GCAP GOLD เผยราคาทองคำสัปดาห์นี้ถูกกดดัน หลังจีนยกเลิกมาตรการอุ้มภาษีทองคำ ทำต้นทุนทองในประเทศสูงขึ้น กดความต้องการชะลอ ขณะที่ตลาดโลกเริ่มฟื้น แรงขายลดลง กองทุนใหญ่กลับเข้าซื้อทองกว่า 500 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว หนุนแนวโน้มฟื้นตัวอีกระลอก คาดสร้างฐานที่ 3,950–3,915 ดอลลาร์ ก่อนรีบาวน์ทดสอบแนวต้าน 4,160–4,185 ดอลลาร์ นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ได้รับแรงกดดันรอบใหม่ หลังรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการ "อุ้มภาษีทองคำ" ที่ใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยกฎใหม่ที่มีการบังคับใช้สำหรับผู้ค้าปลีกที่ซื้อทองผ่าน Shanghai Gold Exchange (SGE) จะไม่สามารถ นำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาหักภาษีตอนขายทองได้อีก 
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนทองคำในประเทศจีนสูงขึ้นทันที อาทิ ทองคำแท่ง, เหรียญ และเครื่องประดับ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทองคำในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดบริโภคทองที่ใหญ่ที่สุดของโลก ชะลอตัวลงในระยะสั้น อย่างไรก็ตามราคาทองคำในตลาดโลกได้ผ่านช่วงเวลาของการ "เทขายหนักสุดในรอบกว่าทศวรรษ" หลังจากนักลงทุนพากันขายทำกำไรจากระดับสูงสุดที่ 4,380 ดอลลาร์/ออนซ์ รวมถึงการไหลออกของเม็ดเงินจากกองทุน ETF และความคลี่คลายจากการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ – จีน ล่าสุดทางกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับมาลงทุนในตลาดทองคำครั้งแรกในรอบกว่า 10 วัน รวมมูลค่าภายในวันเดียวกว่า 500 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง หลังจากที่ราคาทองคำเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมกันนี้กลุ่มนักลงทุนเชิงกลยุทธ์หรือ CTAs ได้ทยอยลดสถานะขายลง จนเหลือเกือบเป็นกลาง และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ยังคงถือสถานะซื้อ (Long) อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทองคำที่ยังไม่หายไปจากตลาด ถึงแม้ว่าราคาจะเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD ประเมินว่า "ทองคำอาจเข้าสู่ช่วงสะสมพลัง" รอบใหม่ ก่อนเตรียมตั้งหลักเพื่อฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้นและ ระยะกลางสามารถทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยคาดว่าทองคำจะสร้างฐานบริเวณแนวรับสำคัญที่ 3,950–3,915 ดอลลาร์/ออนซ์ (ราคาทองคำไทยอยู่ประมาณ 60,300 / 59,800 บาท) ซึ่งมีแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาที่ 4,160–4,185 ดอลลาร์/ออนซ์ (ราคาทองคำไทยประมาณ 63,500–64,000 บาท) โดยหากผ่านโซนแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้คาดว่าจะเปิดทางสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ แม้จะมีปัจจัยจากประเทศจีนกดดันระยะสั้น แต่ปัจจัยหนุนหลักยังมาจาก แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปี 2569, การเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงตอกย้ำบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง 
|