
ธนาคารกลางแอฟริกาใต้เตือนว่า “คริปโทและสเตเบิลคอยน์” กลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อระบบการเงิน หลังผู้ใช้งานพุ่งเกือบ 8 ล้านบัญชี และสเตเบิลคอยน์กลายเป็นคู่เทรดหลักในประเทศ
ธนาคารกลางแอฟริกาใต้ (SARB) ออกรายงานเสถียรภาพระบบการเงินฉบับที่สองของปี 2025 โดยระบุว่า “คริปโทและสเตเบิลคอยน์” กลายเป็นความเสี่ยงใหม่ในระบบการเงิน หลังจำนวนผู้ใช้งานคริปโทในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามรายงานระบุว่า แค่ 3 กระดานเทรดคริปโทรายใหญ่ที่สุดในประเทศก็มีผู้ใช้รวมกันแล้วกว่า 7.8 ล้านบัญชี ณ เดือนกรกฎาคม และมีสินทรัพย์คริปโทถูกเก็บรักษาในประเทศรวมราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2024
โดยธนาคารกลางเตือนว่า เนื่องจากคริปโทเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลไร้พรมแดน จึงอาจถูกใช้เป็นช่องทางเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายควบคุมเงินทุนเข้า–ออกประเทศได้
นอกจากนี้ SARB ยังระบุว่า ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา เกิด “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ในพฤติกรรมของผู้ใช้ โดยสเตเบิลคอยน์ที่อิงดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นคู่เทรดหลัก แทนที่ Bitcoin หรือเหรียญคริปโทอื่น ๆ เพราะมีความผันผวนต่ำกว่า
“จากเดิมที่ Bitcoin และคริปโทยอดนิยมเป็นตัวกลางหลักในการเทรด แต่ปัจจุบันผู้ใช้หันมาใช้สเตเบิลคอยน์มากขึ้นอย่างชัดเจน” ธนาคารกลางแอฟริกาใต้ระบุ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเสถียรภาพการเงินของ G20 รายงานเมื่อเดือนตุลาคมว่า แอฟริกาใต้ “ยังไม่มีกฎเกณฑ์กำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ระดับโลก” และมีเพียง “กฎบางส่วน” เท่านั้นที่ใช้ดูแลคริปโท ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสะสมได้
แม้ธนาคารกลางจะมีท่าทีระมัดระวัง แต่ฝ่ายนโยบายบางส่วนของรัฐบาลกลับมองเชิงบวกมากกว่า โดยในปี 2022 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (FSCA) ได้ประกาศให้คริปโทเป็น “ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน” อย่างเป็นทางการ และออกใบอนุญาตให้บริษัทคริปโทดำเนินธุรกิจในประเทศได้แล้ว
ที่มา : cointelegraph
แปลและเรียบเรียง : สหรัฐ ฉัตราพงษ์