
ตลาดทุนไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังผลักดันให้ บริษัทจดทะเบียนปรับปรุงรายงานข้อมูลตามมาตรฐาน ISSB (International Sustainability Standards Board) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เพื่อยกระดับข้อมูลด้านความยั่งยืน ตามมาตรฐาน ISSB ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น ปรับปรุงหลักเกณฑ์และการเปิดเผยข้อมูลตามแบบ 56-1 One Report-S หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางความเป็นเอกภาพเกี่ยวกับการรายงาน ให้เหมาะสมกับระบบนิเวศตลาดทุนไทย และลดภาระหรือต้นทุน เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่เปรียบเทียบกันได้ (comparability) และใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน
สำหรับหลักการแนวทางการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน ISSB โดยให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลตาม IFRS S1 และ S2 โดยในระยะแรกจะบังคับเฉพาะการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศก่อน (Climate-first reporting) โดยรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ Scope 2 โดยมีการทวนสอบข้อมูลจากผู้ได้รับความน่าเชื่อถือขององค์กรที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) หรือผู้ทวนสอบอื่นๆ จึงถือว่าสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เริ่มใช้บังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายน 2568
การรายงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดทุนไทย แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รูปแบบและเนื้อหาของรายงานมีความหลากหลาย แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท ทำให้แม้จะมีข้อมูลด้าน ESG มากขึ้น แต่กลับยากต่อการตีความ เปรียบเทียบ หรือใช้ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ การนำมาตรฐานของ International Sustainability Standards Board (ISSB) มาใช้จึงเป็นเหมือน “กรอบภาษากลาง” ที่ทำให้การสื่อสารด้านความยั่งยืนของธุรกิจไทยชัดเจนขึ้น ตรวจสอบได้มากขึ้น และอยู่ในระดับมาตรฐานเดียวกับตลาดทุนสากล
ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยยกระดับศักยภาพของบริษัทไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก ที่สำคัญคือจะมีมาตรการผ่อนปรนและคู่มือสนับสนุนเพื่อให้ภาคธุรกิจ “ปรับตัวได้จริง ไม่ใช่เพียงบนกระดาษ” เนื่องมาจาก
เมื่อมาตรฐาน ESG เดิมยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ทั่วโลก ก.ล.ต. จึงเดินหน้าปรับให้ประเทศไทย “พูดภาษาเดียวกันกับตลาดทุนสากล” เป้าหมายสำคัญไม่ใช่แค่รายงานเพิ่ม แต่เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไทยบนเวทีโลก
ในยุคที่การค้าโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าธุรกิจของตนมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศ ปรับปรุงหลักการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน โดยอ้างอิงจากมาตรฐานISSB มาตรฐานที่กำลังถูกใช้เป็น “ภาษากลางของโลก” ด้าน ESG และการรายงานความเสี่ยงด้านความยั่งยืน
สิ่งที่ทำให้ตลาดทุนไทยต้องยกระดับรายงาน เนื่องจาก
การอ้างว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีข้อมูลรองรับ หรือที่เรียกว่า “Greenwashing” กำลังกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและถูกดำเนินคดี จึงเป็นการ
การรายงานตามมาตรฐาน ISSB บังคับให้ผู้บริหารต้องมองเห็นและเข้าใจความเสี่ยงด้านความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงแค่การทำรายงานเพื่อปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ดังนี้
ระบบใหม่ยึดหลัก IFRS S1 และ IFRS S2 ของ ISSB โดยมีหัวใจสำคัญ 3 เรื่อง
1.โครงสร้างรายงานกระจัดกระจายหลายรูป รวมเป็นาตรฐานเดียวกัน
ในอดีต บริษัทสามารถเลือกโครงสร้างรายงานความยั่งยืนได้ตามวิธีหรือแนวคิดที่คิดว่าเหมาะสมของแต่ละองค์กร ส่งผลทำให้รายงานของแต่ละบริษัทมีรูปแบบไม่เหมือนกัน จึงเป็นความท้าทายเพราะไม่สามารถเปรียบเทียบ (Benchmarking) ระหว่างบริษัท เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่เป็นมาตรฐานกลางได้
เมื่อนำมาตรฐานใหม่ของ ISSB มาใช้โครงสร้างรายงานจะถูกออกแบบให้ เป็นรูปแบบเดียวกัน ทำให้ข้อมูลของทุกบริษัท “อ่านง่าย เปรียบเทียบได้ และเชื่อมโยงได้” ซึ่งเป็นประโยชน์ ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
2. เน้นประเด็นเชิงลึกปิดช่องโหว่กรีนวอช
แบบเดิมการเปิดเผยข้อมูลอาจครอบคลุมหลายเรื่องเกินไป บางอย่างสำคัญ บางอย่างอาจเป็นเพียงกิจกรรมเพื่อภาพลักษณ์ ที่มีโอกาสจะเป็นกรีนวอช แต่ไม่ได้มีผลต่อธุรกิจหรือผู้ลงทุนโดยตรง ทำให้หลายรายงาน “หนา แต่ไม่ตอบโจทย์”
มาตรฐาน ISSB กำหนดให้ยึดหลัก Materiality-based หรือ เปิดเผยเฉพาะประเด็นที่มีผลต่อธุรกิจและผู้ลงทุนอย่างแท้จริง เช่น:
ผลลัพธ์คือรายงานที่ กระชับ ตรงประเด็น และมีความหมายเชิงกลยุทธ์
3. ข้อมูลด้านการปล่อยคาร์บอน จากทางเลือก สู่ข้อกำหนดมาตรฐานใหม่
ในอดีต บริษัทบางแห่งอาจเปิดเผยข้อมูลคาร์บอน บางแห่งไม่เปิดเผย ตามความสมัครใจ หรือแม้เปิดเผยก็ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ ทำให้ข้อมูลขาดความเชื่อถือและไม่สามารถใช้อ้างอิงเชิงธุรกิจได้
ภายใต้มาตรฐาน ISSB ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นส่วนสำคัญ กำหนดให้บริษัทต้องรายงานอย่างน้อยตามหลักเกณฑ์ดังนี้
พร้อมทั้งต้องมี การทวนสอบตามมาตรฐานสากล (Assurance) เพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เชื่อถือได้ และลดความเสี่ยงด้าน Greenwashing