
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านโปรแกรม SETSMART พบว่า เกือบ 11 เดือนของปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีการเพิกถอนหุ้นของบริษัทจดทะเบียนจากการเป็นหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย จำนวน 7 บริษัท ดังนี้
หุ้นที่เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ปี 68 | ||
ชื่อย่อหุ้น[ชื่อบริษัท] | เหตุผล | วันที่มีผล |
GL | ไม่ส่งงบฯตามกำหนด | 24 เม.ย.68 |
KEX | เพิกถอนโดยสมัครใจ | 15 ต.ค.68 |
NOK | แก้ไขข้อเพิกถอนไม่ได้ | 9 ม.ค.68 |
POLAR | ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นในงบการเงิน | 28 ม.ค.68 |
PRO | แก้ไขข้อเพิกถอนไม่ได้ | 9 ม.ค.68 |
SAFARI | แก้ไขข้อเพิกถอนไม่ได้ | 24 พ.ค.68 |
STHAI | แก้ไขข้อเพิกถอนไม่ได้ | 9 ม.ค.68 |
ที่มา : SETSMART ณ 26 พ.ย.68 | ||
7 บริษัท ที่ถูกเพิกถอนในปีนี้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทั้งหมด โดยกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ติดโผมากสุด จำนวน 2 บริษัท ส่วนที่เหลือกระจายตัวออกไปในหลายอุตสาหกรรม เช่น เงินทุนและหลักทรัพย์, บริการเฉพาะกิจ และของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ เป็นต้น
บมจ.เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX เป็นบริษัทล่าสุดที่ขอเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯโดยสมัครใจ มีผลตั้งแต่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่มีผล คือ KEX ประสบภาวะขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่องถึง 13 ไตรมาส อีกทั้งบริษัทยังมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ต่ำกว่าเกณฑ์ และยากที่จะเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวได้
ขณะเดียวกัน KEX ยังต้องการเพิ่มความคล่องตัวในการปรับโครงสร้างธุรกิจ และต้องการเงินสนับสนุนเข้ามาใหม่ ซึ่งการที่ยังอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้มีข้อจำกัดในการดำเนินงานและการตัดสินใจทางธุรกิจ ดังนั้น การเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯจึงมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการปรับโครงสร้างมากกว่า
อีกทั้ง ยังสามารถวางแผนธุรกิจระยะยาวได้อย่างรวดเร็วเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป โดยการตัดสินใจดังกล่าวได้รับความเห็นชอบและแรงสนับสนุนโดยตรงจากผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง SF International Holding (Thailand) หรือ (SFTH)
ด้าน บมจ.ซาฟารีเวิลด์ (SAFARI) ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯสั่งเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน มีผลตั้งแต่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก SAFARI ไม่สามารถแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนได้ทันเวลาที่กำหนด หลังส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 บริษัท ที่ปีนี้ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขข้อเพิกถอนได้ตามกำหนด ประกอบด้วย บมจ.โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) หรือ PRO, บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) และ บมจ.ซันไทย อุตสาหกรรมถุงมือยาง (STHAI) มีผลตั้งแต่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาทั้งหมด
สำหรับ PRO ประสบปัญหาขาดทุนสะสมมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ ซึ่งถือเป็นเหตุแห่งหารเพิกถอนตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งก่อนจะถูกนำออกจากตลาดหุ้นไทย หลักทรัพย์ของ PRO ถูกขึ้นเครื่องหมายพักการซื้อขาย (SP) และถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทที่ต้องแก้ไขฐานะทางการเงินมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้
เช่นเดียวกับ NOK ที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เพราะส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ หลังบริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 จากการแพร่ระบาดโควิด-19 และการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมสายการบินชั้นประหยัด
แม้ว่า NOK จะเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ และได้พยายามปรับโครงสร้างหนี้และธุรกิจมาโดยตลอด แต่บริษัทก็ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนให้หมดไป หรือไม่สามารถทำให้บริษัทมีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ตามปกติในระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนด
สอดคล้องกับ STHAI ที่ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯเพราะส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์ จากการประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง STHAI ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ตั้งแต่เดือน ก.ย.2561 และถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องฐานะการเงินมาตลอด แต่บริษัทก็ไม่สามารถแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนดังกล่าวได้ตามระยะเวลาที่ ตลท. กำหนด
ฟาก บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจาก GL ไม่สามารถส่งงบการเงินตั้งแต่ไตรมาส 1/64 - ไตรมาส 3/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตามกำหนด จึงเป็นเหตุแห่งการเพิกถอน เพราะไม่สามารถทำให้นักลงทุนประเมินฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ ในปี 2560 ทาง GL ยังเคยถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องการตกแต่งบัญชีด้วย สะท้อนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการตรวจสอบและกล่าวโทษ "มิทซึจิ โคโนชิตะ" อดีตผู้บริหารระดับสูงของ GL ในประเด็นทุจริต, ยักยอกทรัพย์ และสร้างบัญชีเท็จผ่านการทำธุรกรรมอำพรางเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้และกำไรที่เกินจริง
ส่วน บมจ.โพลาริส แคปปิตัล (POLAR) ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตั้งแต่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นในงบการเงินของบริษัทเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (ตั้งแต่งบปี 2560-2563) และบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้มีคุณสมบัติกลับมาซื้อขายได้ภายในระยะเวลาที่ตลาดหลักทรัพยฯกำหนด
ทั้งนี้ ในปี 2560 ทาง POLAR ยังมีปัญหาล้มละลายและถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ส่งผลให้ POLAR เคยมีประวัติไม่นำส่งงบการเงินต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนดหลายครั้ง เนื่องจากเอกสารสำคัญหลายอย่างสูญหาย หรือถูกยึดในระหว่างที่บริษัทอยู่ภายใต้การพิทักษ์ทรัพย์อีกด้วย