“ปลัดคลัง” เผยคนละครึ่งพลัสเฟส 2 เปิดทางคนได้สิทธิ มีโอกาสได้อีก คาดเสนอครม.ได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ หวังเกิดความต่อเนื่องของโครงการ ด้านคนละครึ่งผ่าน Food Delivery วันแรกคนใช้ฉลุย หนุนเฟสแรกใช้จ่ายแล้วกว่า 19.01 ล้านคน ยอดเงินกว่า 20,000 ล้านบาท นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบเฟส 2 ว่าจะดำเนินการอย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง รวมถึงนอกเหนือจากกลุ่มเก็บตกแล้ว ยังอยู่ระหว่างพิจารณาให้คนที่ได้สิทธิในเฟสแรกแล้ว สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมเฟสที่ 2 ได้ด้วย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า คนละครึ่งเฟส 2 จะพยายามผลักดันให้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในช่วงเดือนธ.ค. 2568 เพื่อเริ่มใช้โครงการในเดือน ม.ค.ปีหน้า เนื่องจากต้องการให้เกิดความต่อเนื่องของโครงการ 
สำหรับโครงการในเฟสที่ 2 นี้ โมเดลจะต้องยึดจากว่า มีเงินเท่าไหร่ และสามารถรองรับได้กี่คน ซึ่งเชื่อว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะไปบริหารเงินงบประมาณในส่วนงบกลางมาได้ และสามารถคำนวณได้ว่าจะครอบคลุมได้กี่สิทธิ กี่คน ซึ่งเงินงบประมาณ ในส่วนงบกลางไม่ใช่เฉพาะใช้ในโครงการคนละครึ่งเท่านั้น ยังมีสำรองสำหรับเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ภัยพิบัติ เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ รัฐมนตรีและรัฐบาลจะต้องคุยกันว่า จะสามารถจัดสรรเงินเฟส 2 ได้เท่าไหร่ โดยจากข้อมูลล่าสุด ณ 7 พ.ย. 2568 เวลา 09.00 น. พบว่า มีจำนวนผู้ใช้จ่ายสำเร็จแล้ว 19.01 ล้านคน จากผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 20 ล้านคน มีจำนวนรายการทั้งสิ้น 145.23 ล้านครั้ง มีจำนวนร้านค้าที่มีการใช้จ่ายสำเร็จทั้งสิ้น 791,445 ร้าน มียอดใช้จ่ายที่สำเร็จทั้งหมด 20,556 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของประชาชน 10,407 กว่าล้านบาท และของรัฐบาล 10,158 กว่าล้านบาท ขณะเดียวกัน วันนี้ เป็นวันแรกที่เปิดให้ใช้จ่ายผ่าน Food Delivery โดย มีร้านค้าที่เข้าร่วม Food Delivery ทั้งสิ้น 7.06 หมื่นร้านค้า แบ่งเป็น Line Man 3.85 หมื่นร้านค้า, GrabFood 2.76 หมื่นร้านค้า, Robinhood 1.22 พันร้านค้า และ ShopeeFood 3.3 พันร้านค้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการใช้สิทธิผ่าน Food Delivery เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากกระทรวงการคลังได้มีการออกแบบระบบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทุจริตซึ่งเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเชื่อมต่อระบบกับแพลตฟอร์ม เพราะต้องการทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส จึงทำให้การเปิดใช้สิทธิผ่านแพลตฟอร์ม Food Delivery ช้ากว่าการใช้สิทธิทั่วไปประมาณ 7 วัน “เป็นครั้งแรกที่แพลตฟอร์มเข้ามาร่วมด้วย ส่วนหนึ่งเพราะต้องการเห็นการต่อยอดที่เรียกว่าการ Up Skill ของร้านค้า โดยเฉพาะร้านธรรมดาที่ไม่เคยขายออนไลน์ก็อยากให้เข้ามาขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งถือเป็นการยกระดับอย่างชัดเจน และที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกับแพลตฟอร์มซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีในการสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าเข้ามาร่วม เช่นการลดค่า GP ซึ่งถือเป็นต้นทุนสำคัญของร้านค้าที่อยู่ในแพลตฟอร์ม ก็อยู่ระหว่างพิจารณา โดยหากโครงการนี้จะเริ่ม ม.ค. 2569 แต่ช่วงไหนจะต้องรอดูถึงความพร้อมก่อน ซึ่งหากโครงการนี้มันทำต่อเนื่องได้เลย จะทำให้มีโมเมนตัมได้”นายลวรณ กล่าว นายลวรณ ยืนยันว่า คนที่อยู่เฟสแรก มีโอกาสที่จะลงเฟส 2 ได้ แต่อยู่ระหว่างการออกแบบ โดยสมมติ เพื่อความยุติธรรม เช่น ในรอบแรกได้แล้ว 2,000 บาท และเฟสที่ 2 สมมติให้อีกคนละ 2,000 บาท ซึ่งก็ต้องพิจารณาว่า คนที่มาครั้งแรก ควรจะได้ 4,000 เลยหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรม ก็เป็นวิธีคิด ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ และได้มองประเด็นนี้ด้วยแล้ว ซึ่งเบื้องต้นมองว่า คนที่ได้เฟสแรกแล้ว อาจจะได้น้อยกว่าคนที่ใช้สิทธิครั้งแรก เป็นต้น “โมเดลตอนนี้คือ คนที่จะได้อีกรอบก็จะได้ไม่เท่ากับคนที่ได้ครั้งแรกเลย คงยังตอบไม่ได้ อยู่ระหว่างการออกแบบในตอนนี้ ส่วนสิทธิเฟส 2 เราต้องดูว่ามีเงินเท่าไหร่ โดยยืนยันว่า โครงการคนละครึ่งนี้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่น สร้างบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจมีความคึกคักมากขึ้น ร้านค้าขายดีขึ้นอย่างแน่นอน”นายลวรณ กล่าว นายลวรณ กล่าวว่า สำหรับปลายปีนี้จะมีโครงการ Easy E-Receipt อีกหรือไม่นั้น ยอมรับว่า ขณะนี้โครงการนี้ถูกปรับเป็นเที่ยวไทยแล้ว ซึ่งให้ไปเที่ยว ไม่ใช่ไปซื้อของ 
|