“ดร.พิพัฒน์” มองเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตช้า คาดขยายตัว 1.6-1.8% เหตุ 3 เครื่องยนต์หลักอ่อนแรง -ภัยธรรมชาติกดดันซ้ำ ชี้ไทยต้องเร่งปรับโครงสร้าง แค่แจกเงินไม่พอ พร้อมจับตาการเลือกตั้ง-นโยบายการเงินปีหน้า
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เปิดเผยในการสัมมนา วิเคราะห์เศรษฐกิจปีม้าไฟ จะ “ปัง” หรือต้อง “ระวัง” ? ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2569 ยังโตช้า บุญเก่าอ่อนแรง บุญใหม่ยังไม่มา โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ 1.6-1.8% เนื่องจากฐานสูงเมื่อต้นปี และ 3 เครื่องยนต์หลักกำลังอ่อนแรง รวมถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
“เศรษฐกิจไทยในปี 2569 ยังโตช้า บุญเก่าอ่อนแรง บุญใหม่ยังไม่มา 3 เครื่องจักรอ่อนแรง ขณะที่ระยะยาว เศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้าลงเรื่อยๆ และสิ่งที่น่ากังวล คือ ไทยคือคนป่วยคนใหม่ของเอเชีย หรือ เศรษฐกิจที่เติบโตช้ากว่าเพื่อนบ้าน”นายพิพัฒน์ กล่าว นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับปัจจุบันไทยเจอปัญหาความสามารถในการแข่งขัน โดย Manufacturing Disconnect พบว่า การส่งออกโต แต่ภาคการผลิตติดลบ ขณะเดียวกันไทยยังเป็นแค่ทางผ่านนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบแล้วส่งออก โรงงานไทยปิดตัว เพราะสินค้าจีนตีตลาด นอกจากนี้ เครื่องจักรด้านการท่องเที่ยวเริ่มชนเพดาน นักท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัว แต่แรงส่งไม่แรงเหมือนเดิม โดยการท่องเที่ยวกลายเป็นแค่ฐานค้ำยันเศรษฐกิจ ไม่ใช่เครื่องยนต์เทอร์โบ ที่จะดันให้โตแบบก้าวกระโดดอีกต่อไป ซึ่งไทยจะพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ ขณะเดียวกัน ไทยยังเจอกับดักหนี้และการปล่อยกู้ภาคธนาคาร ซึ่งพบว่า คนอยากซื้อแต่กู้ไม่ผ่าทน เพราะความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) “ไทยยังจะเจอคลื่นสึนามิ คือ กำแพงที่มองไม่เห็น หรือโครงสร้างประชากรวันทำงานของไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว คนซื้อรถ ซื้อ บ้านมีน้อยลงตามธรรมชาติ คือ ปัญหาโครงสร้างที่แก้ด้วยการแจกเงินไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขระยะสั้นได้”นายพิพัฒน์ กล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่สนับสนุน ไทย คือการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และเม็ดเงินลงทุนใหม่ ที่เริ่มไหลเข้ามาจากการย้านฐานการผลิต โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลขนาดใหญ่เพื่อรองรับ AI , ไทยยังคงเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาค นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปีหน้ายังเป็นปีที่ท้าทายกับเศรษฐกิจโลก และไทย สิ่งสำคัญ คือ ไทยจะต้องเร่งสร้างเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่ ขณะเดียวกันในปีหน้า จะต้องจับตาการเลือกตั้ง และแนวโน้มนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง “เราต้องการนโยบายปฏิรูปที่แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่แค่การแจกเงิน เพื่อนำเศรษฐกิจไปสู่ถึงความยั่งยืนในระยะข้างหน้าได้”นายพิพัฒน์ กล่าว 
|