PTT ย้ำ 5 แผนปรับพอร์ตธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถ - ปรับปรุง Non-Hydrocarbon - จัดการต้นทุน สร้างความมั่นคงพลังงาน ส่วนปีหน้าคาดปริมาณขายน้ำมันเพิ่ม - ต้นทุนก๊าซกับไฟฟ้าลดลง นายอาภากร ชอุ่มทอง ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยในงาน Opportunity Day ในวันนี้ว่า การดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังดำเนินการเติบโตที่มุ่งความมั่นคงทางพลังงานทั้งการเข้าถึงพลังงานและการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับกลยุทธ์หลักของธุรกิจ Hydrocarbon คือการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน ผ่านโครงการต่างๆ ส่วนธุรกิจ Non-Hydrocarbon บริษัทได้ปรับธุรกิจและทบทวนธุรกิจให้มีความเหมาะสม รวมถึงการทำตามแผน D-Carbonization และการสร้างโอกาสทางธุรกิจการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) และธุรกิจ Hydrogen 
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา PTTEP ได้ทำการขยายการสำรวจและผลิตในแหล่งใหม่ พร้อมทั้งลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม โดยการเข้าร่วมลงทุนในแปลง A18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เป็นต้น ด้านธุรกิจ Non-Hydrocarbon ยังมีความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท Lotus หรือบริษัทยาในไต้หวัน เพื่อความคล่องตัวธุรกิจ ส่วนการลงทุนในอนาคต บริษัทยังมุ่งเน้นให้เกิดความสมดุลทางด้านเป้าหมายของผลประกอบการในระยะยาว ประกอบกับเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ซึ่งแบ่งเป็น 1.ธุรกิจปัจจุบันที่ดำเนินการอยู่ ประกอบด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งด้าน Upstreem , ธุรกิจ Gas และ Power และพยายามพัฒนา LNG value Chain ให้รองรับความต้องการพลังงานในภูมิภาค ส่วนธุรกิจ Non- Hydrocarbon บริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจที่บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันและธุรกิจนั้นจะต้องเสริมกับธุรกิจของ PTT และสามารถเติบโตร่วมกับบริษัทแม่ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น 2.ธุรกิจที่ PTT มองว่ามีความจำเป็น และเติบโตได้ในอนาคต โดยจะโฟกัสที่ Hydrogen & Carbon ซึ่งบริษัทมองว่า สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการลดคาร์บอนได้ โดยแนวทางลงทุนบริษัทจะพิจารณาจากความเป็นไปได้ของธุรกิจ มีความยืดหยุ่นในการลงทุน และการลงทุนจะลงทุน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เช่น กฎหมายต่างๆ เทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวข้องเหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจหรือไม่ในการลงทุน 3.การสร้างความยั่งยืน ผ่าน ESG 4.Enablers ต่างๆ ที่จะมาช่วยผลักดันผ่านโครงการต่างๆ เช่น Triple Transformation , Asset Manetization ที่มุ่งเน้นจะใช้ทรัพย์สินภายในกลุ่มให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยผลตอบแทนให้กับบริษัทได้ 5.Foudation คือการมีวินัยทางด้านการเงิน และการบริหารอย่างรอบด้าน ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ ในช่วงปี 2568-2569 หุ้นกู้สกุลเงินบาทของ PTT จะมีครบกำหนดรวม 32,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ บริษัทได้มีการออกหุ้นกู้สกุลบาทจำนวน 2 รุ่น มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการลงทุน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน และทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ ส่วนปีหน้า จะต้องติดตามกระแสเงินสด สภาพตลาด และโครงการในการลงทุนต่างๆ สำหรับเรื่องค่าเงิน บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้น นางสาวจิตรเรขา พึ่งพักตร์ ผู้จัดการส่วนผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในปีหน้า PTTEP คาดว่าปริมาณขายเฉลี่ยจะยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ฝั่ง Unit Cost ประเมินว่าน่าจะอยู่ในระดับที่แข็งขันได้ อย่างไรก็ตามราคาเฉลี่ยคาดว่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจาก การคาดการณ์ราคาขายน้ำมันดิบและราคาก๊าซจะลดลงตามราคาตลาดโลก ส่วนธุรกิจ ก๊าซธรรมชาติประเมินว่ามีต้นทุนรวมจะมีแนวโน้มลดลงจาก Sport LNG ที่มีแนวโน้มลดลงและแนวโน้มการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ ส่วนปริมาณการขายคาดใกล้เคียงปีที่แล้ว ด้านภาคปิโตรเคมีและการกลั่น โดยภาคปิโตรเคมีมองว่าสถานการณ์ราคาจะลดลงจากซัพพลายใหม่ที่จะเข้ามา ส่วนภาคโรงกลั่นคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากกำลังการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ขณะที่ Stock Loss คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่ลดลงในปีหน้า ส่วนธุรกิจน้ำมันคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการส่งเสริมการขายที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับภาคไฟฟ้าที่สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลง 
|