สกพอ. เปิดผังการใช้ประโยชน์ที่ดินและแบบเชิงแนวคิด "ศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ" เตรียมเข้าสู่เฟสใหม่ของการพัฒนา พร้อมเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ในระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคทุกระบ ภายในปี 2569 รวมมูลค่าการลงทุน 74,465 ล้านบาท ปักธงก้าวสู่เมืองน่าอยู่อัจฉริยะติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกภายในปี 2580 ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า โครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ หรือ EEC Capital City: EECiti ที่แผน ปฏิบัติการฯ ได้รับความเห็นชอบจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ขณะนี้การดำเนินงานมีความคืบหน้าตามกรอบเวลาของแผนงานในระยะที่ 1 (พ.ศ. 2566 – 2570) พัฒนาพื้นที่ 5,795 ไร่ หรือประมาณ 40% ของพื้นที่โครงการทั้งสิ้น 14,619 ไร่ เพื่อพัฒนาย่านศูนย์กลางธุรกิจและสำนักงานภูมิภาค สถานที่ราชการ ศูนย์การแพทย์ และที่อยู่อาศัย โดยความคืบหน้าสำคัญของโครงการ คือการออกแบบแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแบบเชิงแนวคิดของโครงการ และการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน หรือ PPP ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ Conceptual drawing และศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ทางการเงินและการลงทุน เพื่อเตรียมประกาศเชิญชวนลงทุน PPP 
โดยแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินและแบบเชิงแนวคิดของโครงการ EECiti ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด Smart – Green – Livable – Inclusive เป็นเมืองอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อยู่ได้จริงสำหรับทุกคน รวมถึงจะเป็นประโยชน์สำหรับประชากรปัจจุบันที่อาศัยอยู่ที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDGs รวมทั้งรับกับเทรนด์โลกและความต้องการของตลาด โดยแบ่งเป็น 6 โซนพื้นที่คลัสเตอร์ธุรกิจหลักภายในโครงการฯ ได้แก่ 1. ย่านศูนย์สำนักงานใหญ่ภูมิภาค ศูนย์ราชการสำคัญและศูนย์บริการทางการเงินแห่งอนาคต (CBD) 2. ย่านศูนย์การแพทย์แม่นยำและการแพทย์เพื่ออนาคต 3. ย่านศูนย์การศึกษา-วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติ 4. ย่านศูนย์ธุรกิจ BCG 5. ย่านศูนย์ธุรกิจบริการ เช่น การท่องเที่ยวและบริการ กีฬา สันทนาการ โลจิสติกส์ 6. ย่านที่อยู่อาศัยหลักสำหรับคนทุกกลุ่มรายได้ และ Mixed-use ภายใต้แนวคิดการวางแผนเชิงพื้นที่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งรวมมากกว่า 30% ของพื้นที่โครงการฯ พร้อมทั้งสร้างพื้นที่นวัตกรรมบริการอัจฉริยะสำหรับทุกคน เช่น การมีพื้นที่สาธารณะส่วนกลาง เดินทางสะดวกเข้าถึงง่ายด้วยระบบขนส่งอัจฉริยะ ลดการใช้พลังงานและการออกแบบที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเทียบเท่ามาตรฐานสากล เพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ "สำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคทุกระบบภายในโครงการ EECiti กำหนดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ Public Private Partnership: PPP ทั้งในรูปแบบการลงทุนแบบโครงการเดียว หรือ Single Package หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้บริการและประเทศ ประกอบด้วย10 ระบบ ได้แก่ 1. ระบบไฟฟ้าและพลังงาน 2. ระบบน้ำประปา 3. ระบบจัดเก็บน้ำเสียและผลิตน้ำรีไซเคิล 4. ระบบบริหารจัดการน้ำ 5. ระบบจัดการขยะ 6. ระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบโทรคมนาคม 7. ระบบดับเพลิง ระบบเตือนภัยพิบัติและระบบป้องกันฟ้าผ่า 8. ระบบเครือข่ายถนนและระบบจราจรที่รองรับระบบขนส่งสาธารณะ 9. ระบบรางสาธารณูปโภครวม 10. พื้นที่สีเขียวและภูมิทัศน์ส่วนกลาง ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อพิจารณาเป็น PPP Project list คาดว่าภายในปีประมาณ 2569 จะสามารถเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในโครงการ EECiti รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 74,465 ล้านบาท โดย สกพอ. มีเป้าหมายให้เอกชนและรัฐวิสาหกิจเข้าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางภายในปีงบประมาณ 2570 ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนและขับเคลื่อนโครงการที่สอดคล้องกับการดำเนินงานจริงของโครงการ EECiti ต่อไป นักลงทุนที่สนใจพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในธุรกิจหลักของโครงการสามารถส่งข้อเสนอการลงทุนประกอบกิจการในแต่ละโซนพื้นที่ที่สนใจให้แก่ สกพอ. ได้ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป โดยองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่สนใจร่วมลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคทุกระบบภายใน โครงการ EECiti ในรูปแบบ PPP สามารถติดตามข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับประกาศจาก สกพอ. โดย มีแผนเริ่มจัดกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนเป็นการทั่วไป เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ของ PPP ในช่วงธันวาคม 2568 - มกราคม 2569 
|