นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ เคาะกรอบงบปี 70 วงเงินรวม 3.788 ล้านล้านบาท รับต้องขยับปฏิทิน เหตุปีหน้าเลือกตั้ง หวังให้ทันใช้ 1 ต.ค.69 ด้านคนละครึ่งพลัสเฟส 2 จ่อใช้บางส่วนจากงบกลางวงเงิน 70,000 ล้านบาท เบื้องต้นขนาดโครงการใกล้เคียงเฟสแรก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยในการเป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ว่า ที่ประชุมอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 2570 (ต.ค.69-ก.ย.70) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบการประมาณการสถานะการคลังระยะปานกลาง ปี 2569-2570 โดยประมาณการงบประมาณรายจ่ายปี 2570 อยู่ที่ 3.788 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบ 2569 ที่ 0.2% โดยเป็นงบประมาณขาดดุล 788,000 ล้านบาท ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ 3 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะคงค้าง 69.36% และจีดีพีอยู่ที่ 20.83 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการกำหนด กรอบประมาณการรายรับ รายจ่าย และฐานะการคลังของรัฐบาลเป็นการล่วงหน้าเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดทำกรอบประมาณรายจ่ายประจำปีมีความรอบคอบ โดยจะต้องนำ แผนการระยะยาว มาประกอบการพิจารณาด้วย ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการจัดการของรัฐ ปี 2511 มาตรา 15 สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการกำหนดวงเงินงบประมาณครั้งนี้คือ เพื่อให้รัฐบาลสามารถ ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพื่อการรักษาวินัยการเงินคลัง และเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความเข้มแข็งทางการคลัง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเน้นย้ำถึงหลักการใช้จ่ายภาคภาครัฐ โดยให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายที่ต้องเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ***นายกฯ ขยับปฏิทินปีงบ 70 หวังเข็นงบทันใช้ 1 ต.ค. 69 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้อนุมัติกรอบรายได้ของรัฐที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ 3 ล้านล้านบาท ขาดดุลประมาณ 788,000 ล้านบาท ส่วนนนี้ต้องกู้ ซึ่งทิศทางในการขาดดุลได้ทำงบขาดดุลน้อยกว่าปีก่อนที่ขาดดุล 4.4% โดยปีนี้ลดการขาดดุลเหลือ 3.9% ซึ่งการกู้เงินจะลดลงเรื่อยๆด้วย ส่วนความกังวลว่างบประมาณปี 2570 จะทันใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2569 หรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วง จึงได้กำหนดปฏิทิน โดยให้เร่งรัดและดำเนินการทำงบประมาณปกติ ซึ่งจะผ่านครม.ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ซึ่งเบื้องต้นจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2569 หรือก่อนยุบสภา ทั้งนี้เพื่อที่จะเผื่อเวลาในช่วงที่เป็นสุญญากาศ หรือ ช่วงที่มีการเลือกตั้งด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามเร่งรัดให้งบประมาณปี 2570 ทันใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2570 แต่หากในกรณีเลวร้ายเกิดความล่าช้าจะเพียงเล็กน้อยแค่ ครึ่งเดือนหรือ 1 เดือนเท่านั้น “แนวทางของนายกรัฐมนตรี หลังจากนี้ คือ ภายใน 4-5 ปีจะลดการขาดดุลลงเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้จะขาดดุล 3.9% ปีหน้าจะเหลือ 3% และในปีถัดไปจะเหลือ 2.4-2.5% ส่วนงบประมาณจะทันใช้หรือไม่ พยายามเร่งรัดปฏิทิน เพราะจะมีช่วงเลือกตั้ง กว่าจะมีการรับรองเสร็จ น่าจะช่วงเม.ย.-พ.ค.และใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์เพื่อตั้งครม.ได้ นั่นอาจทำให้ปฏิทินงบประมาณล่าช้าออกไปเล็กน้อย ดังนั้นจำเป็นต้องขยับปฏิทินให้ผ่านมติครม.ภายในรัฐบาลนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระในสมัยปี 2566 ที่กว่าจะได้ใช้งบประมาณจริง ลากไปถึง พ.ค.-มิ.ย.ของปีถัดไป ซึ่งความล่าช้าจะกระทบกับกระบวนการงบประมาณและตัวเลขจีดีพีด้วย สำหรับที่วางไว้ในเบื้องต้น ในกรณีเลวร้ายสุดอาจล่าช้าไม่เกินครึ่งเดือน หรือ 1 เดือน”นายภราดร กล่าว *** เล็งใช้งบกลางบางส่วนเดินหน้า “คนละครึ่งพลัสเฟส2” เตรียมเคาะวงเงินจริง ธ.ค. 68 สำหรับงบกลางที่ปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 70,000 ล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายที่จะทำโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือน ม.ค. 2569 แต่ในการสำรวจและจัดทำรายละเอียดโครงการคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ โดยจะพิจารณาว่าจะใช้วงเงินเท่าไหร่ “ตอนนี้มีงบกลางอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท คงอาจไม่ได้ใช้ทั้งหมด คงใช้บางส่วน ต้องดูว่าในเฟสแรกมีผู้ที่มาใช้ทั้ง 20 ล้านคนเหลือเงินเท่าไหร่ ซึ่งจะเห็นอยู่บางส่วนแล้ว เช่น คนที่ลงทะเบียนแล้วไม่ได้ใช้ในวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา น่าจะเหลือประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนนี้นำไปใช้แล้วในคนละครึ่งพลัสเฟส 1.5 ที่ให้ช่วยผู้ประกอบการร้านค้าที่จะ Upskill-Reskill รายละ 2,000 บาทใช้เงินประมาณ 800 ล้านบาท ส่วนเฟส 2 จะเอาส่วนที่เหลือประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท ไปรวมกับเฟสใหม่ที่จะอนุมัตเพิ่ม โดยเฟสแรกใช้วงเงินประมาณ 40,000 กว่าล้านบาท ส่วนเฟสที่ 2 เบื้องต้นคาดว่าขนาดโครงการจะมีความใกล้เคียงกัน แต่ทั้งนี้ต้องรอดูความเป็นไปได้ และตัวเลขชัดเจนอีกครั้ง”นายภราดร กล่าว ส่วนงบน้ำท่วมได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท ซึ่งการอนุมัติตามระเบียบใหม่ ยังอยู่ในวงเงินที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับงบกลางในส่วนที่เหลือ “งบกระตุ้นเศรษฐกิจที่อนุมัติโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว 157,000 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้ว 110,000 กว่าล้านบาท โดยพยายามเร่งรัดให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรไปเร่งรัดการดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนรัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่พยายามผลักดันให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด”นายภราดร กล่าว 
|