ธอส. และ ธนาคารกรุงเทพ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและประชาชน ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จัดทำมาตรการพักชำระหนี้ - ลดเงินงวด – ลดดอกเบี้ย – พร้อมเงินทุนเติมสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจ นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน การดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพของลูกค้าและประชาชนเป็นอย่างมาก ธอส. ได้จัดเตรียมมาตรการให้ลูกค้าสามารถพักชำระหนี้ ลดเงินงวด ลดดอกเบี้ย และเคลมสินไหมเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลลกระทบในพื้นที่ดังกล่าว ผ่าน “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2568” โดยมีรายละเอียด ดังนี้ มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 - 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป และลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อซ่อม – แต่งและสินเชื่อซ่อม- แต่ง Plus วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 5 ปี โดยวงเงิน 1 แสนบาทแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 - 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด, อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 - 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (2.945% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (3.845% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.245% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาทต่อเดือนเท่านั้น ฟรีค่าธรรมเนียมประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 
มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้ มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้ มาตรการที่ 5 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี) มาตรการที่ 6 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี) มาตรการที่ 7 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์) นอกจากนี้ ธอส. ร่วมกับกรมธนารักษ์ และชมรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ เตรียมลงพื้นที่ส่งมอบถุงยังชีพ และอาหารพร้อมทานให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นลูกค้าและประชาชน ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่สาขา ธอส. ตั้งแต่บัดนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ G H Bank Social Media และ www.ghbank.co.th รายงานข่าวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เช่น ลดยอดผ่อนชำระ ขยายเวลาการชำระหนี้ ปลอดการชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราว ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่เพิ่มเติม เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น ซ่อมแซมสถานประกอบกิจการและฟื้นฟูกิจการ
สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจ SME ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 2 ปี* หลังจากนั้นคิดไม่ต่ำกว่า MLR-1% ต่อปี *ภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up
สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ธนาคารได้จัดเตรียมหลากหลายมาตรการเพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระดับความรุนแรงที่ได้รับ ประกอบด้วย บัตรเครดิต - ปรับลดอัตราผ่อนชำระหนี้ ลดดอกเบี้ยค้างชำระขั้นต่ำ (Min Pay) จากอัตราปกติลง 3% เป็นระยะเวลาสูงสุด 6-12 เดือน
- ลดดอกเบี้ยค้างชำระสูงสุดไม่เกิน 75% ไม่เกิน 3 รอบบัญชี หรือ สูงสุดไม่เกิน 90 วัน
- พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
- ปรับปรุงโครงสร้างหนี้
สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ - สินเชื่อเงินกู้บัวหลวงสุขใจ ลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราปกติลง 1% หรือพักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน
- สินเชื่อหมุนเวียนบัวหลวงอุ่นใจ ลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราปกติลง 1% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน
- สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
- สินเชื่อส่วนบุคคล ลดยอดผ่อนชำระรายเดือนลงสูงสุด 40% (ชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน และชำระเงินต้นบางส่วน) เป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 6-12 เดือน ผ่อนชำระตามเงื่อนไขเดิม และลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน พักชำระเงินต้น ยังคงชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน เป็นระยะเวลาสูงสุด 3-6 เดือน พักชำระเงินต้น ยังคงชำระดอกเบี้ยบางส่วน ไม่ต่ำกว่า 70% เป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน หรือไม่ต่ำกว่า 50% เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน โดยดอกเบี้ยส่วนที่เหลือจะตั้งพักเอาไว้
สำหรับลูกค้าที่จะขอกู้เพิ่มและลูกค้าใหม่ สนับสนุนสินเชื่อเงินกู้บัวหลวงพูนผล (สินเชื่อมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน) ผ่อนได้นานสูงสุดนาน 5 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ MRR-2% (4.65%) ต่อปี และฟรีค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกัน** เพื่อนำเงินไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย สามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการ ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ได้ที่สาขา สำนักธุรกิจ และสายบัตรเครดิต รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bangkokbank.com และคอลเซนเตอร์ธนาคารกรุงเทพ โทร.1333 หรือ 0 2645 5555 *สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR-2% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ย MRR ตามประกาศ ณ วันที่ 14 ส.ค. 68 เท่ากับ 6.65% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์และการชำระคืนหนี้และภาระต้นทุนในการกู้ยืมเพิ่มเติม ดูได้ที่เว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพ **ค่าสำรวจและประเมินหลักประกัน ขั้นต่ำ 3,000 บาท/แปลง (ไม่รวม VAT) (อัตราค่าบริการ ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด และจำนวนหลักประกัน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร) พร้อมกันนี้ ธนาคารขอเชิญร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กองทุนบูรณะฟื้นฟูอุบัติภัย มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยสแกนเพื่อบริจาค หรือ บริจาคผ่านบัญชี มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ชื่อบัญชี “มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย" บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ สาขาสำนักงานใหญ่สีลม เลขที่ 101-3-48488-4 *หากโอนผ่านเลขที่บัญชีและประสงค์ลดหย่อน 1 เท่า กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมเขียนชื่อ-ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และเลขบัตรประชาชน เพื่อขอรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ Line ID : @friendsofpa สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2054-6546 มูลนิธิชัยพัฒนา ชื่อบัญชี "กองทุนบูรณะฟื้นฟูอุบัติภัย" บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เลขที่ 909-3-00509-9 *หากโอนผ่านเลขที่บัญชีและประสงค์ลดหย่อน 2 เท่า กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมเขียนชื่อ-ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และเลขบัตรประชาชน เพื่อขอรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ e-mail : [email protected] หรือ Line ID : @chaipat19 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายการเงิน โทร. 0-2447-8585-8 ต่อ 103 ในวันและเวลาทำการ มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ชื่อบัญชี "มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์" บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลขที่ 641-0-15655-5 *หากโอนผ่านเลขที่บัญชีและประสงค์ลดหย่อน 2 เท่า กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมเขียนชื่อ-ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และเลขบัตรประชาชน เพื่อขอรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ Line ID : @shf.psu 
|