เปิดบทวิเคราะห์ล่าสุด 6 โบรกฯ ส่องงบ PTG ไตรมาส 3/68 คาดมีกำไรที่ 193-203 ลบ. เพิ่มขึ้น 175-190% YoY รับธุรกิจ Non-oil ฟื้นตัว พร้อมจับตาโค้งสุดท้ายธุรกิจน้ำมันเข้าไฮซีซั่น แต่กังวลค่าใช้จ่ายพุ่ง ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 11.50 บาท ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้รวบรวมมุมมองจากนักวิเคราะห์ ต่อแนวโน้มผลประกอบการของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ในงวดไตรมาส 3/68 โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากปัจจัยหนุนในธุรกิจ Non-oil ที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกาแฟพันธ์ไทย ***บล.กรุงศรี คาด Q3/68 สูงสุดที่ 203 ลบ. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/68 ของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG อยู่ที่ 203 ล้านบาท(+193%yoy) โดยการที่ฟื้นสูง yoy หนุนจากทั้งฝั่ง Oil ที่ปริมาณขายน้ำมันราว 1,610 ล้านลิตร (+2% yoy , -5% qoq) เติบโตตามการขยายสาขา และ ค่าการตลาดฯ ที่ 1.68 บาท/ลิตร (+2% yoy , +1% qoq) ฟื้นตัวจากแรงกดดันของภาครัฐที่ลดลง และ Non-oil ที่ฟื้นตัวนำโดย Pun Thai ที่รายได้ +160% yoy , +22% qoq มาที่ 1,490 ล้านบาท (Vs.การขยายสาขา +67% yoy , +15% qoq มาที่ 1,886 แห่ง) ส่วนการลดลง qoq มาจาก ปัจจัยฤดูกาลที่ช่วงหน้าฝนส่งให้ธุรกิจ Oil ปริมาณขายลดลงซึ่งค่าการตลาดฯ ที่ฟื้นเล็กน้อยไม่พอชดเชย และ ส่วนแบ่งกำไรฯ ที่ +20% yoy , -31% qoq ลดลงตามธุรกิจ Palm complex ที่เป็น low season ทั้งนี้ ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่ม qoq ในอัตราที่ลดลง แม้การเปิด Pun Thai ยังเร่ง หากกำไรไตรมาส 3/68 เป็นไปตามคาด กำไร 9 เดือนจะคิดเป็น 50% ของกำไรปีที่ 1,419 ล้านบาท(+39% yoy) ประมาณการมี downside ราว -300 ล้านบาท หรือ -0.18บาท/หุ้น จากค่าการตลาดฯ ที่ฟื้นช้ากว่าคาด โดย 9 เดือน ปี 68 ราว 1.65บาท/ลิตร Vs. ประมาณการปีที่ 1.73บาท/ลิตร ซึ่งการฟื้นตัวช้าของค่าการตลาดฯ มาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงที่รัฐเร่งเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งแนวโน้มจะดีขึ้นในปี 2569 และ downside ข้างต้นไม่ได้เปลี่ยนทิศทางการฟื้นตัวในปี 2568 ทั้งนี้ คาดไตรมาส 4/68 กำไรจะโตทั้ง yoy และ qoq หนุนจากค่าการตลาดฯที่ฟื้นตัว , รายได้ Pun Thai +138% yoy , +16% qoq ตามการขยายสาขา และ การส่งเสริมการตลาดที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น คงคำแนะนำ Buy ที่ 10.5 บาท/หุ้น แม้ระยะสั้นการฟื้นตัวของค่าการตลาดฯ จะช้ากว่าคาด จากราคาน้ำมันที่ผันผวนในช่วงกองทุนฯ ยังติดลบ แต่ไม่ได้เปลี่ยนภาพระยะยาวที่คาดต้นทุนน้ำมันที่กลับสู่ระดับปกติ จะส่งให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกลับมาเป็นบวก และ ลดการแทรกแซงจากภาครัฐ หนุนให้ค่าการตลาดฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติได้ หนุนธุรกิจ oil อยู่ในขาฟื้นตัวรวมถึง Pun Thai รายได้โตก้าวกระโดดส่งให้กำไรปกติฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 68-70 
***บล.เอเซีย พลัส ลุ้น Q4/68 กำไรฟื้นตัว รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 200.3 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลมาจากธุรกิจน้ำมัน (Oil) ที่คาดมีกำไรขั้นต้นลดลง 3.2% qoq มาอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท กดดันจาก ปริมาณขายน้ำมันโดยรวมที่คาดอ่อนตัว 5.5% qoq มาอยู่ที่ 1.6 พันล้านลิตร จากการเข้าสู่ช่วง low season ของการใช้น้ำมันในช่วงฤดูฝน ถึงแม้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย/ลิตร จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 1.70 บาท/ ลิตร จากเดิม 1.66 บาท/ลิตร ในงวดไตรมาส 2/68 ตามมาตรการผ่อนคลายการตรึงราคาน้ำมัน และ การปรับลดเงิน อุดหนุนเข้ากองทุนน้ำมันก็ตาม รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่คาดอ่อนตัวลง 31.4% qoq มาอยู่ที่ 51.7 ล้านบาท จากผลประกอบการของธุรกิจปาล์ม คอมเพล็กซ์ (PPPGC) ที่คาดอ่อนตัว QoQ ประกอบกับ ยังมีค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% qoq มาอยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการเร่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของ กลุ่มธุรกิจ Non-Oil ถึงแม้คาดว่าธุรกิจ Non-Oil จะมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 12.4% qoq มาอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท หนุนจากยอดขาย โดยรวมที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.4% qoq มาอยู่ที่ 6 พันล้านบาท จากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีปริมาณขายที่เติบโต qoq ตามการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 244 สาขา มาอยู่ที่ 1,886 สาขา ส่งผลให้สัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil งวดนี้คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38.5% ของกำไรขั้นต้นรวม จากเดิม 35% ในงวดก่อนหน้า โดยรวมแล้วคาดกำไร 9 เดือน ปี 68 อยู่ที่ 709.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 10.8% yoy และ คิดเป็นสัดส่วน 60.8% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 68 ที่ฝ่ายวิจัยได้ประเมินไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท เติบโต 14% yoy หนุนหลักจากธุรกิจ Non – Oil ที่คาดยอดขายโดยรวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง yoy จากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีการขยายสาขาต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยได้กำหนดสมมติฐาการเปิดสาขากาแฟพันธุ์ไทยปี 68 เพิ่มขึ้น 500 สาขา ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขที่บริษัทฯได้ guideline ไว้ที่ราว 600 สาขา รวมถึงธุรกิจน้ำมัน (Oil) ที่คาดปริมาณขายโดยรวมยังเห็นการเติบโตได้เล็กน้อย yoy ตามแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 50 สถานีบริการ และ การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นก็ตาม โดยฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานให้ปี 68 มีปริมาณขายน้ำมันเติบโตขึ้น 5.0% yoy มาอยู่ราว 7 พันล้านลิตร และ อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย/ลิตร ยังทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงปี 67 ที่ 1.65 บาท/ลิตร สำหรับงวดไตรมาส 4/68 คาดกำไรฟื้นตัว qoq และ ขึ้นทำระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี 68 หนุนจากทั้งธุรกิจน้ำมัน ที่คาดปริมาณขายโดยรวมจะเพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วง high season ของฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรคาดยังสามารถทรงตัวได้ในระดับสูงที่ราว 1.65-1.70 บาท/ลิตร ใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 3/68 จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มอ่อนตัว qoq ตามการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ รวมถึงภาพรวมสถานะกองทุนน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว หนุนให้ภาครัฐฯคาดจะมีการนำส่งเงินอุดหนุนเข้ากองทุนน้ำมันลดลง และ มีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการตรึงราคาน้ำมันมากขึ้น ซึ่งคาดจะช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น แม้ในช่วงเดือน ต.ค. จะยังมีมาตรการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล และ เบนซิน อยู่บ้างก็ตาม อีกทั้ง คาดธุรกิจ Non-Oil ยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากปริมาณขายโดยรวมที่คาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง qoq ตามการเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี และ การขยายสาขาใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง แม้คาดค่าใช้จ่าย SG&A จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง qoq ก็ตาม 
*** จับตาค่าใช้จ่ายในการขาย-บริหารเพิ่มขึ้น บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 198 ล้านบาท ลดลง 37% qoq แต่เพิ่มขึ้น 182% yoy ปริมาณการขายที่อ่อนตัวตามฤดูกาล และ ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น อาจเป็นสาเหตุของการลดลงแบบ qoq ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่น้ำมันที่แข็งแกร่งขึ้นอาจสนับสนุนการเติบโตแบบ yoy ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/68 ผลประกอบการยังอ่อนแอลง แม้ว่าปริมาณการขายจะแข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาลก็ตาม ด้วยปริมาณการขายที่มากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลขายปลีก PTG อาจพบว่า การรักษา oil margin ในไตรมาส 4/68 เป็นเรื่องยากขึ้น ราคาน้ำมันดีเซลทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4/68 และ จากข้อมูลที่รัฐบาลเผยแพร่ อัตรากำไรเฉลี่ยของน้ำมันดีเซลขายปลีกลดลง 0.05 บาทต่อลิตรในไตรมาส 4/68 นอกจากนี้ PTG จะเห็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงกาาคาดการณ์ oil margin ลดลงเล็กน้อย (1.66 บาท/ลิตร จาก 1.67 บาท/ลิตร) จึงได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 68-70 ลง 0.9% , 0.6% และ 0.5% ตามลำดับ ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดมูลค่าที่เหมาะสมลงเหลือ 7.30 บาท จาก 7.40 บาท และ ยังคงคำแนะนำ "ถือ" *** ห่วงค่าใช้จ่าย ขยายสาขา "กาแฟพันธ์ไทย" พุ่ง กระทบกำไร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 197 ล้านบาท +180% YoY แต่-37% qoq โดยปรับเพิ่มขึ้น yoy จากธุรกิจพันธ์ไทยที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ลดลง qoq ตามผลของฤดูกาลที่เป็นหน้าฝนส่งผลต่อปริมาณขาย โดยปริมาณขายคาดอยู่ที่ 1.6 พันล้านลิตร +2% yoy , -5 % qoq ลดลง qoq ตามผลของฤดูกาลที่เป็นหน้าฝนส่งผลต่อปริมาณขาย , Gross Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 บาทต่อลิตร ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.66 บาทต่อลิตร ในไตรมาส 3/67 และ ไตรมาส 2/68 ธุรกิจ Non-Oil คาดมีกำไรขั้นต้นที่ 1.7 พันล้านบาท +90% yoy , +15% qoq ยังคงขยายตัวได้ดี จากการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้นกว่า 1,886 สาขา และ คาด S&A เร่งตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.1 พันล้านบาท +22% yoy , +8% qoq ยังคงเร่งตั้งตัวเพิ่มขึ้นจากการขยายในธุรกิจ Non-Oil อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรปี 68-69 ลงเหลือ 1.0 และ 1.3 พันล้านบาท ตามลำดับ ตามการขยายธุรกิจ Non-Oil มีการเติบโตดี และ ค่าใช้จ่ายการขยายกาแฟพันธ์ไทยที่เร่งตัวสูงขึ้น สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดี qoq จากเป็นช่วง High Season ของการเดินทาง ปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น qoq อย่างมีนัยสำคัญ โดยปรับราคาเป้าหมายไปปี 69 ที่ 11.50 บาท อิง Avg PER ที่ 14 เท่า และ คงคำแนะนำ Trading Buy บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 197 ล้านบาท (-37% qoq , +181% yoy) โดยการปรับตัวลง qoq สาเหตุหลักมาจากปัจจัยฤดูกาลของการเดินทางช่วงเข้าสู่หน้าฝน ขณะที่ yoy คาดจะเติบโตสูงจากฐานต่ำในธุรกิจน้ำมัน ขณะที่ธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะร้านกาแฟ Punthai ยังสามารถสร้างการเติบโตได้แข็งแกร่ง สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/68 เติบโต qoq ตามปัจจัยฤดูกาลของอุปสงค์น้ำมันช่วงเดินทางท่องเที่ยว และ การเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตร หาก 9 เดือนตามคาด จะคิดเป็น 59% ของทั้งปีทำให้ประมาณการปีนี้นี้มี Downside เล็กน้อย ซึ่งปัจจุบันหุ้นมี Upside gain ไม่มาก คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 8.80 บาท บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 193 ล้านบาท (+175% yoy , -38% qoq) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น yoy จะเป็นเพราะคาดค่าการตลาดน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.70 บาท/ลิตร (+3% yot) ส่วนกำไรที่ลดลง qoq จะเป็นเพราะถูกกดดันจากคาดปริมาณยอดขายน้ำมันจะลดลงเป็น 1,600 ล้านลิตร (-6% qoq) ซึ่งเป็นการชะลอตัวตามฤดูกาลในช่วงหน้าฝน แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า ค่าการตลาดน้ำมันของ PTG จะเพิ่มขึ้น 2% qoq เป็น 1.70 บาท/ลิตร เพราะค่าการตลาดน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นหลังจากที่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันพลิกจากลบมาเป็นบวกได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ในขณะเดียวกันคาดว่า กำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย qoq เนื่องจากปริมาณยอดขายกาแฟเพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทเปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่ม 244 ร้านในไตรมาส 3/68 ทำให้จำนวนสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,886 ร้าน (+15% qoq) แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 5% qoq เป็น 4.4 พันล้านบาท ตามการขยายเครือข่ายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในไตรมาส 3/68 ซึ่งยังคงคำแนะนำซื้อ PTG โดยยังคงราคาเป้าหมายปี 69 ที่ 10.30 บาท อิงจาก PE ที่ 12.5x | โบรก | คาดกำไรQ3/68 (ลบ.) | เปลี่ยนแปลง (YoY) | ราคาเป้าหมาย (บ.) | แนะนำ | | | | | | | | กรุงศรี | 203 | 190% | 10.50 | ซื้อ | | | | | | | | เอเซียพลัส | 200 | 185% | 10.30 | Outperform | | | | | | | | ทิสโก้ | 198 | 182% | 7.30 | ถือ | | | | | | | | หยวนต้า | 197 | 181% | 8.80 | Trading | | | | | | | | ทรีนีตี้ | 197 | 181% | 11.50 | Trading Buy | | | | | | | | เคจีไอ | 193 | 175% | 10.30 | ซื้อ | | | | | | | 
|