เงินหยวนจีน มีแนวโน้มทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดในรอบห้าปี โดยเงินหยวนที่เทรดในตลาดต่างประเทศ (Offshore Yuan) ในปีนี้ แข็งค่าขึ้นเกือบ 4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มขึ้นต่อสินทรัพย์และเศรษฐกิจของประเทศ รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนมองข้ามความกังวลที่สืบเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ปัจจัยส่วนหนึ่งยังมาจากการที่รัฐบาลจีนเข้าพยุงค่าเงิน ตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวขึ้นและดึงดูดเงินทุนไหลเข้า รวมไปถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อปี 2026 การแข็งค่าของเงินหยวนในปีนี้แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของความตึงเครียดทางการค้าเมื่อปี 2018 ในเวลานั้น ค่าเงินหยวนร่วงลงมากกว่า 13% จากจุดสูงสุดในเดือนมี.ค.ไปสู่จุดต่ำสุดในเดือนก.ย. 2019 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการคาดการณ์ว่า จีนอาจถูกบีบให้ต้องปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่า เพื่อพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจ 
ด้านนักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ BNY ในฮ่องกงกล่าวว่า เงินหยวนของจีนมีโอกาสแข็งค่าได้อีก การวิเคราะห์ทางเทคนิคบ่งชี้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ต่อหยวน อาจอยู่ในกรอบ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในปีหน้า โดยที่เสถียรภาพและการแข็งค่าของเงินหยวนมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดและนักลงทุน อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินหยวนในปีนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก หลังจากเผชิญแรงเทขายในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าและสร้างความวุ่นวายเมื่อเดือนเม.ย. ก่อนที่จะถูกกดดันอีกรอบในช่วงกลางปี เนื่องจากแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยค่าเงินหยวนเริ่มแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในเดือนส.ค. เมื่อความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินหยวน โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index ร่วงลงประมาณ 7% ในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และการขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่มา Bloomberg 
|