“เอกนิติ” ยันรัฐบาลไทยเซ็น MOU แร่แรร์เอิร์ธ กับสหรัฐฯ ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ย้ำชัดเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ กรณีไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) แร่หายาก (Rare Earth Elements) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 กับสหรัฐฯ ซึ่งได้รายงานว่าเป็น MOU เพื่อร่วมมือกันส่งเสริม ความร่วมมือและขยายห่วงโซ่อุปทาน และ การค้า การลงทุน ในอุตสาหกรรมการสำรวจ การส แปรรูป การกลั่น การรีไซเคิล การกู้คืน และการดูแลรักษา รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมแร่หายาก ยืนยันว่าไม่ใช่กฎหมาย 
สำหรับความตกลงทั้งหมดและขอบเขตความร่วมมือ เป็นความตกลงความเข้าใจ ในการพัฒนาห่วงโซ่แร่หายาก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาด ทำให้แร่หายากสามารถนำออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย โปร่งใส ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ยืนยันเอ็มโอยูครั้งนี้ ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายแต่อย่างใด และไม่ได้ เป็นการเอื้อประโยชน์พิเศษเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ไทยสามารถจะดำเนินการกับประเทศใดก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตความร่วมมือใน MOUจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมแร่ของไทย มีกลไกให้เจ้าหน้าที่ของประเทศภาคีสามารถจัดประชุมเชิงปฏิบัติ สัมมนาการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญเรื่องระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกใบอนุญาต การลดขั้นตอนเพื่อ อำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน และการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศภาคีในการคุ้มครองตลาดที่อิงกลไกตลาด ทำให้การกำหนดราคาแร่ที่มีความต้องการจำนวนมากมีมาตรฐานและเป็นธรรม ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การลงนามดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกาหรือไม่นั้น ไทยได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้แทนการค้าสหรัฐในทุกมิติ ซึ่งเขาค่อนข้างที่จะให้โอกาสประเทศไทย ในฐานะที่มีความสัมพันธ์ที่ดี และเปิดโอกาสให้ไทยสามารถเจรจาต่อรองเรื่องการค้าต่างตอบแทน “ปัจจุบันสหรัฐเปิดช่องทางในเอกสารแนบท้าย สามารถให้ประเทศที่สหรัฐมีความสัมพันธ์ที่ดี เจรจาต่อรองเพื่อที่จะสามารถนำสินค้า หรือบริการบางประเภท เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษี 19% กรอบใหญ่ หรือจะลดภาษีในบางส่วนของสินค้าบางรายการ ซึ่งต้องนำมาเจรจาต่อไป เพราะมีรายละเอียดมาก หากไทยสามารถเจรจาตามกรอบดังกล่าวได้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย”นายเอกนิติ กล่าว ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ และยังไม่มีแหล่งที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ ดังนั้นการเซ็นเอ็มโอยูครั้งนี้จึงเป็นการส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญของไทย โดยเฉพาะด้านการสำรวจ รวมถึงการใช้ประโยชน์ที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีเสถียรภาพสำหรับการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ไทยได้ประโยชน์จากการ แลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีต่างๆ สร้างโอกาสใหม่ใหม่ในการลงทุน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎ หากจะมีการลงทุนใน ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามกฏหมายระเบียบของไทยและมาตรการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า เบื้องต้นขอทำความเข้าใจเอ็มโอยูนี้ คือ participants มีความหมายในเชิงกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าเป็นคู่ภาคี ที่มีความร่วมมือกันดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แตกต่างจาก parties ที่มีความหนักแน่นกว่า นอกจากนี้ ยึดกรอบตามความตกลงขององค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ที่สำคัญต้องเป็นไปตามหลักกฏหมายภายในของแต่ละประเทศ ไม่มีผลผูกพันตามกฏหมายระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้นจะไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ ที่จะร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก “ข้อห่วงกังวลที่ขณะนี้มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ต.คน.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือเได้รื่องนี้พร้อมไปมีการเน้นย้ำว่ากรณีที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยจะต้องเป็นไปตามกฏหมายไทย และกรณีที่ไทยไปลงทุนในสหรัฐก็ต้องปฏิบัติตามกฏหมายของสหรัฐเช่นกัน”นายปกรณ์ กล่าว ทั้งนี้ การเซ็น MOU ยูครั้งนี้ ยังเป็นหนึ่งในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อยกระดับกฎหมายของไทยทั้งการค้าการลงทุนกับสหภาพยุโรป “คำว่า first opportunity to invest โดยข้อความดังกล่าว หากยกมาข้อความเดียว อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งความจริงแล้วมันเริ่มต้นด้วยคำว่า Participant have first opportunity to invest ซึ่งหมายความว่า การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะผู้เป็นคู่สัญญา แต่ว่าในการดำเนินการนั้น จะต้องยึดกฎหมายของแต่ละประเทศ” นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายแร่ไทยกำหนดไว้ว่า ต้องมีการเปิดประมูลในวิธีการที่เสรีเป็นธรรม ให้สอดคล้องกับองค์การการค้าโลก ดังนั้นไม่ได้เป็นแต้มต่ออะไร แต่เป็นความสัมพันธ์ตามปกติ เพราะฉะนั้นการอ่านเอกสารต่างๆ ต้องอ่านด้วยความระมัดระวัง เพราะหากใช้ AI ก็จะแปลไปตามข่าว จึงอยากให้ยึดการแปลผ่านตัวภาษาอังกฤษดีกว่า อีกทั้ง เอ็มโอยูฉบับนี้เขียนไว้ชัดเจนว่าจะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ได้กระทำไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการเริ่มดำเนินการใดๆ หากมีการดำเนินการ กระทรวงอุตสาหกรรมก็จะต้องดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายของไทยต่อไป 
|