BANPU เผยกลยุทธ์ใหม่ "Energy Symphonics" ชู 4 กลุ่มธุรกิจหลัก Next-Gen Mining, U.S. Closed-Loop Gas, Power+, Future Tech คาด NewCo แล้วเสร็จพร้อมเทรด Q3/69 ในชื่อ "BANPU" ตั้งเป้า EBITDA เป็น 1.5 เท่า - ลดสัดส่วนรายได้ถ่านหินต่ำกว่า 50% ในปี 73
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติปรับโครงสร้างบริษัท โดยจะควบรวม บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ตามแผนปรับโครงสร้างภายในเพิ่มความคล่องตัวธุรกิจ เกิดเป็นบริษัทมหาชนใหม่ ซึ่งการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจเพื่อปลดล็อกมูลค่าในระยะยาว และเพิ่มโอกาสเติบโตจากการใช้ AI ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยเสริมความคล่องตัวในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
*** ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
กลุ่ม "บ้านปู" กำลังเร่งผลักดันการเติบโตของกลุ่มธุรกิจที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตหลัก ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจไฟฟ้า โดยการรวมสินทรัพย์ด้านโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ไว้ภายใต้ BKV ซึ่งจะเป็นธุรกิจหลักที่สามารถปลดล็อกกลยุทธ์ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ ได้เต็มศักยภาพ ซึ่งครอบคลุมการผลิตก๊าซธรรมชาติ การดักจับคาร์บอน และการผลิตไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน ธุรกิจไฟฟ้าของ"บ้านปู" ภายใต้บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP จะถูกยกระดับเป็น Power+ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ที่รวมการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและพลังงานใหม่ไว้ภายใต้เสาหลักธุรกิจนี้
ส่วนการลงทุนในเทคโนโลยีเกิดใหม่ และโซลูชันดิจิทัลด้านพลังงานจะได้รับการบริหารจัดการภายใต้เสาหลักธุรกิจที่ชื่อว่า Future Tech ซึ่งครอบคลุมถึงธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตที่เกี่ยวเนื่องกับ Data Center และเทคโนโลยีพลังงานที่สามารถสร้างพลังร่วมระหว่างกันได้
โครงสร้างใหม่นี้สร้างคุณค่าให้กับ"บ้านปู" ใน 3 มิติ อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ด้านโครงสร้าง ทำให้แต่ละธุรกิจหลักของกลุ่มมีความชัดเจน โดยมีการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพเป็นกลไกสนับสนุน ด้านกลยุทธ์ สร้างโอกาสในการเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ ซึ่งเป็นตัวเร่งการเติบโตและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของ"บ้านปู" และด้านการเงิน ช่วยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ในตลาด และยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่จะส่งผลให้"บ้านปู"อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งในระยะยาว พร้อมรับกับโอกาสใหม่ ๆ
*** ชูกลยุทธ์เฟสใหม่ 'Energy Symphonics' ผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า แผนงานในครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถจัดสรรเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เกิดแนวดำเนินกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันด้วยกลยุทธ์เฟสใหม่ 'Energy Symphonics' ระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจหลักที่ปรับขึ้นใหม่ ได้แก่
- Next-Gen Mining (เหมืองยุคใหม่)ยกระดับการทำเหมืองด้วยเทคโนโลยี AI และเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแร่แห่งอนาคต ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
- U.S. Closed-Loop Gas (ก๊าซธรรมชาติครบวงจรในสหรัฐฯ)ที่รวมสินทรัพย์ด้านพลังงานก๊าซในสหรัฐฯ ให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ BKV
- Power+ (ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง) ขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) การซื้อขายพลังงาน โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโครงสร้างพื้นฐานของก๊าซธรรมชาติ - Future Tech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต)มุ่งเน้นเทคโนโลยีพลังงานที่เชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูล (Data Centers) และนวัตกรรมด้านพลังงาน โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น สอดรับกับแนวโน้มพลังงานของโลกและกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น ความต้องการ Data Center ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตลอดจนความต้องการพลังงานที่มีความเสถียรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราได้
*** บริษัทใหม่คาดจัดตั้ง - เข้าเทรด Q3/69 ในชื่อหุ้น "BANPU"
การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP จะเป็นไปตามกระบวนการควบบริษัทและจัดตั้ง “บริษัทใหม่” หรือ “NewCo” โดยจะมีการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และ BPP ในอัตราส่วนการแลกหุ้น (Swap Ratio) เบื้องต้น คือ 1 หุ้นเดิมในบริษัทฯ ต่อ 0.35575 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน BPP ต่อ 0.74615 หุ้นในบริษัทใหม่
และบริษัทฯ และ BPP ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อให้ความเห็นในเรื่องความสมเหตุสมผลของรายการ ซึ่งบริษัทใหม่คาดว่าจะจัดตั้งแล้วเสร้จ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 3/69 ในหมวดธุรกิจพลังงาน โดยคาดว่าจะใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "BANPU"
สำหรับการควบรวมนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับโครงสร้างสินทรัพย์ของ BPP ให้มีกลยุทธ์ที่คมชัดมากขึ้น ลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทภายในกลุ่ม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความคล่องตัว ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ และความรวดเร็วในการตัดสินใจ เพื่อปลดล็อกคุณค่าจากทั้งโอกาสใหม่และทรัพย์สินที่มีอยู่
ทั้งนี้ในส่วนการทำธุรกรรมการรับซื้อหุ้นเป็นการทั่วไป (General Offer) จำนวนประมาณ 650 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 21% จะพิจารณารับซื้อในราคาหุ้นละ 13 บาท ซึ่งบริษัทฯ จะเตรียมกระแสเงินสดจากการดำเนินงานรองรับไว้ประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นที่สนใจถืออยู่เดิมสามารถเปลี่ยนมาถือหุ้นในบริษัทใหม่ได้

*** BPP ขายสิทธิลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซสหรัฐฯ ให้ BKV มูลค่า 230.5 ล้านเหรียญ จบดีล Q1/69
การรวมสินทรัพย์โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เป็นการรวมการถือหุ้นส่วนใหญ่ จำนวน 75% ในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ขนาดกำลังผลิต 1.5 กิกะวัตต์ ไว้ภายใต้บริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ"บ้านปู" ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดย BPP อยู่ระหว่างการเตรียมขายสิทธิการลงทุน (Membership Interests) 25% ในกิจการร่วมค้า BKV-BPP Power LLC (BKV-BPP) ให้แก่ BKV ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 230.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่าประมาณ 7,512 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม BPP ยังคงถือหุ้น 25% ในกิจการร่วมค้าดังกล่าว เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอนาคต โดยธุรกรรมนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 69 และจะดำเนินการชำระค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสิทธิการลงทุนในรูปแบบของเงินสดจำนวน 50% และหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKV คิดเป็น 50% ของมูลค่ารวม
*** BPP พลิกโฉมหลังควบรวม BANPU ปลดล็อกทุน เร่งเครื่อง Power+
นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า การควบรวมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยน BPP จากผู้ผลิตไฟฟ้าระดับภูมิภาค สู่แพลตฟอร์มหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตในกลุ่ม"บ้านปู" ประกอบกับการขายสิทธิการลงทุนบางส่วนจำนวน 25% ใน BKV-BPP ก็จะช่วยปลดล็อกเงินทุนที่สามารถนำไปใช้ในการลดภาระหนี้หรือการลงทุนใหม่ในโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ได้
ทั้งยังรักษาตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐฯ เพื่อเปิดรับการเติบโตในระยะยาวในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ด้วยบทบาทของเราในฐานะเสาธุรกิจหลัก ‘Power+ (เพาเวอร์ พลัส)’ จะเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงห่วงโซ่คุณค่าพลังงานแบบครบวงจรของกลุ่ม"บ้านปู" เพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน และขยายโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนสำหรับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยปลดล็อกคุณค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่สะท้อนในตลาดได้อย่างดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น
*** ปี 2030 ตั้งเป้า EBITDA เป็น 1.5 เท่า ลดรายได้ถ่านหินต่ำกว่า 50%
แผนเชิงกลยุทธ์นี้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของ "บ้านปู" ไปสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ ทั้งนี้ ภายในปี 2030 (73) บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 1.5 เท่า ลดสัดส่วนรายได้หรือ EBITDA ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 และ 2 มากกว่า 20% สำหรับเป้าหมายระยะยาว
"บ้านปู" ยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ภายใต้พันธสัญญา “Our Way in Energy” หรือ “พลังบ้านปู สู่พลังงานที่ยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ผ่านการเติบโตอย่างรับผิดชอบ การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน และ โซลูชันพลังงานที่พร้อมรับมือกับโลกอนาคต

|