HSBC เผยพร้อมสนับสนุนลูกค้าลงทุนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ชี้สอดคล้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล และ ความต้องการอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ด้าน สกพอ. มีผู้ประกอบการ 17 รายที่ได้รับอนุญาตใช้ไฟฟ้าสำหรับศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ จากผู้ยื่นขอทั้งหมด 50 ราย นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย หรือ HSBC เปิดเผยว่า อนาคตธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ในไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเงินลงทุนจากต่างประเทศ(FDI) ในภาคดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศไทย ในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจากข้อมูลของ BOI ยอดการส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนแรก ปี 2568 เติบโตเกือบเท่าตัว มูลค่ารวมทะลุ 1.3 ล้านล้านบาท จากกว่า 2,600 โครงการ นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า สอดรับกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลและความต้องการอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยภาคดิจิทัล เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงในช่วง 9 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการ Data Center ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และ กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล และ ดิจิทัลคอนเทนต์ มูลค่า 612,768 ล้านบาท (119 โครงการ)
สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,947 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% เงินลงทุนรวม 985,337 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นมากเกิดจากการลงทุนในกิจการ Data Center ขนาดใหญ่จากสิงคโปร์และสหราชอาณาจักร และ กิจการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และ ระบบกักเก็บพลังงานจากฮ่องกง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจและการเติบโตของไทยในระยะยาว
ส่วนภาพรวมธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ขับเคลื่อนบริการดิจิทัลต่างๆ ทั้งสำหรับภาคประชาชน ผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และ ภาครัฐ , โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตามรายงานของ McKinsey(2568) : ภายในปี 2573 บริษัทภาคเอกชนจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก มูลค่าเกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ ความสามารถในการรองรับการให้บริการของดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ภายในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตทบต้นเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 22% สำหรับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มีโครงการพัฒนาและเติบโตในหลายประเทศทั่วโลก โดยภูมิภาคเอเชียและอาเซียนกำลังดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้ และ เทคโนโลยี AI และ Machine Learning กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์อีกครั้ง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการเลือกทำเลที่ตั้งของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์การออกแบบ และ การก่อสร้าง รวมถึงแนวทางการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ 
ทางด้านภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนมีความสามารถในการรองรับการให้บริการที่ 1.8 กิกะวัตต์ คิดเป็น 16% ของความสามารถในการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ทั้งนี้ 60% ของการรองรับการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนอยู่ในสิงคโปร์ ซึ่งท่ามกลางความต้องการพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ความพร้อมของพลังงานและต้นทุน โดยพลังงานจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาคธุรกิจนี้ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้ง ธนาคารเอชเอสบีซีคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 : ความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนจะเพิ่มขึ้น 5 เท่าเป็น 6.5 กิกะวัตต์ (จาก 1.3 กิกะวัตต์ในปี 2566) ขับเคลื่อนโดยการขยายตัวของบริการคลาวด์ การนำ AI มาใช้ และ IoT โดยความสามารถในการรองรับการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า (จาก 1.8 กิกะวัตต์ในปี 2566 เป็น 8.9 กิกะวัตต์ในปี 2573) ซึ่งสัดส่วนความสามารถของการรองรับการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ของอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2573 ของความสามารถในการรองรับการให้บริการของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด โดย 1 ใน 3 ของพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดที่ผลิตในอาเซียนจะถูกใช้โดยดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะสร้างโอกาสให้แก่บริษัทพลังงานหมุนเวียนประเทศไทย ส่วนประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และ การลงทุนจากบริษัทดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย โดยการเพิ่มขึ้นของจำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุน โดยรวมสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพ และ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศไทย ในขณะที่ปัจจัยต่อไปนี้ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง (Electrical infrastructure) , ความเร็วอินเทอร์เน็ตของประเทศไทยอยู่ใน Top 10 ของโลก , เครือข่าย 5G ของประเทศไทยครอบคลุมประชากรกว่า 89% สูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน , ความต้องการการใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง , ทำเลที่ตั้งใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , ต้นทุนการก่อสร้างและดำเนินงานธุรกิจในระดับต่ำที่แข่งขันได้ , สิทธิประโยชน์จาก BOI และ พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน "ตอนนี้ธนาคารมีลูกค้ารายใหญ่ที่สนใจลงทุนในดาต้า เซ็นเตอร์ อยู่พอสมควร โดยกลุ่มธุรกิจมีทั้งอุตสาหกรรมไฟฟ้า สื่อสาร ซึ่งเป็นลูกค้ามีทั้งลูกค้าคนไทย และ ลูกค้าต่างประเทศ โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนลูกค้าทั้งในรูปแบบสินเชื่อ เครือข่าย เครื่องมือ ให้กับลูกค้า"นายจอร์โจ กล่าว นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนเข้ามายื่นการลงทุนในพื้นที่ EEC เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งมีภาคการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี เข้ามาลงทุนจำนวนมาก โดยล่าสุด มีผู้ประกอบการ 17 รายที่ได้รับอนุญาตใช้ไฟฟ้าสำหรับศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ จากผู้ยื่นขอทั้งหมด 50 ราย รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ 
|