สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2568
*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 60.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.68% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ปิดที่ 65.07 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือราว 0.11% ราคาน้ำมันโลกปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ (31 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนอย่างหนัก โดยราคาน้ำมันพุ่งขึ้น หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ อาจเริ่มโจมตีทางอากาศต่อเวเนซุเอลาภายในไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะอ่อนตัวลงอีกครั้งหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ตลอดเดือนต.ค. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส และเบรนท์ ทะเลเหนือ ปรับตัวลดลง 2% และ 2.6% ตามลำดับ จากแรงกดดันของการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตรนอกกลุ่ม ที่ยังคงเร่งป้อนอุปทานน้ำมันออกสู่ตลาด *** กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) เห็นชอบให้ปรับเพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตน้ำมันเดือนธ.ค. ขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 137,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนต.ค. และพ.ย. รวมถึงระงับการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้น หลังหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปีหน้าตลาดอาจเผชิญภาวะอุปทานล้นตลาด โดยนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา OPEC+ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการผลิตรวมกว่า 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือราว 2.7% ของอุปทานทั่วโลก *** โรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของตุรกี กำลังหันไปซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งที่ไม่ใช่รัสเซียมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ที่มุ่งจำกัดรายได้จากการขายน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งถูกใช้เป็นทุนสนับสนุนสงครามในยูเครน ตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียรายใหญ่ ร่วมกับจีนและอินเดีย แต่ล่าสุดโรงกลั่นตุรกีเริ่มปรับพฤติกรรมการจัดหาน้ำมันคล้ายกับอินเดีย สะท้อนถึงผลกระทบของมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจจากตะวันตกที่เริ่มเห็นผลชัดเจน *** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บรรลุข้อตกลงทางการค้าและเศรษฐกิจฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มุ่งปกป้องเศรษฐกิจ ความมั่นคง และแรงงานอเมริกัน โดยสาระสำคัญของข้อตกลง ประกอบด้วยการที่ฝ่ายจีนจะยุติหรือระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก (Rare Earths) และแร่สำคัญอื่น ๆ พร้อมระงับการตอบโต้ทางภาษีและที่ไม่ใช่ภาษีทั้งหมดต่อสหรัฐฯ ตั้งแต่มี.ค. 2025 รวมถึงยกเลิกภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ พร้อมกลับมานำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ อย่างน้อย 12 ล้านตันในปี 2025 ด้านสหรัฐฯ ตอบสนองดังนี้ ลดภาษีนำเข้าจากจีนลง 10 จุดเปอร์เซ็นต์ มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2025 ขยายเวลายกเว้นภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 301 ไปจนถึง 10 พ.ย. 2026, ระงับมาตรการควบคุมเพิ่มเติมต่อบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นเวลา 1 ปี รวมถึงชะลอการบังคับใช้มาตรการตอบโต้ด้านการขนส่งและต่อเรือของจีน ภายใต้มาตรา 301 เป็นเวลา 1 ปี *** ทำเนียบขาวแถลงว่า จีนจะระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพิ่มเติมต่อแร่หายาก ซึ่งจะมีผลในทางปฏิบัติและยุติการสอบสวนต่อบริษัทสหรัฐฯ ในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ภายใต้ข้อตกลงทางการค้าที่เพิ่งบรรลุระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาตรการดังกล่าวถือเป็นการยกเลิกโดยพฤตินัยต่อข้อจำกัดการส่งออกที่จีนเคยประกาศใช้ในเดือนเม.ย. และต.ค. โดยก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันว่า จีนจะระงับมาตรการควบคุมเพิ่มเติมที่ประกาศในเดือนต.ค. เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเปิดทางให้การเจรจาทางการค้าดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น  *** อินเดีย เตรียมเพิ่มวงเงินโครงการส่งเสริมการผลิตแม่เหล็กแร่หายาก ภายในประเทศเกือบ 3 เท่า สู่ระดับมากกว่า 70,000 ล้านรูปี (ราว 788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเร่งสร้างขีดความสามารถด้านการผลิตภายในประเทศ โดยแผนดังกล่าวซึ่งยังรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญจากโครงการก่อนหน้าที่มีมูลค่าเพียง 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมกลาโหม *** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะไม่กลับมาเปิดการเจรจาการค้ากับแคนาดาอีก หลังนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ กล่าวขอโทษต่อกรณีโฆษณาทางการเมืองของรัฐบาลมณฑลออนแทรีโอ ที่ใช้คำพูดของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน วิจารณ์นโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยทรัมป์กล่าวว่า “ผมชอบเขานะ แต่สิ่งที่พวกเขาทำมันผิด เขาได้ขอโทษแล้วสำหรับโฆษณานั้น เพราะมันเป็นโฆษณาที่บิดเบือนข้อเท็จจริง” *** จีน ประกาศยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีทองคำที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในหนึ่งในตลาดทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนจะไม่อนุญาตให้ผู้ค้าปลีกบางรายนำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เกิดจากการซื้อทองคำจากตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) มาหักล้างได้อีก ไม่ว่าจะเป็นทองคำที่ขายโดยตรงหรือผ่านการแปรรูปตามกฎหมายฉบับใหม่ของกระทรวงการคลังจีน กฎใหม่นี้ ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุน เช่น ทองคำแท่งและทองคำแท้ความบริสุทธิ์สูง รวมถึงเหรียญทองที่ได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางจีน ตลอดจนทองคำที่ใช้ในอุตสาหกรรมและการผลิตเครื่องประดับ *** ราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังรัฐบาลจีนประกาศยุติมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยให้ผู้ค้าปลีกบางราย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อทองคำในตลาดโลหะมีค่ารายใหญ่ของโลก ราคาทองคำสปอตลดลงมากถึง 0.6% แตะระดับประมาณ 3,978 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ในเอเชีย หลังรัฐบาลจีนประกาศไม่อนุญาตให้ผู้ค้าปลีกบางรายนำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาลดหย่อนได้อีก สำหรับทองคำที่ซื้อจากตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) และตลาดฟิวเจอร์สเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Futures Exchange) ไม่ว่าจะขายโดยตรงหรือหลังผ่านการแปรรูปก็ตาม *** จีนและเกาหลีใต้ ได้หารือกันถึงการขยายความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ 2 ประเทศ ซึ่งสร้างความหวังว่า จีนอาจผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่อวงการบันเทิงเกาหลีใต้ในอนาคต โดยวี ซอง-รัก (Wi Sung-rak) ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีอี แจ-มยอง เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการขยายความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมเสริมว่าปัจจุบันยังมีข้อจำกัดทางกฎหมายและขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมอย่างเต็มรูปแบบ *** นางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลของเธอไม่มีแผนที่จะเจรจาข้อตกลงการลงทุนมูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐรอบใหม่ ที่ญี่ปุ่นได้บรรลุร่วมกับสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ โดยย้ำว่า แม้จะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี แต่คำมั่นระหว่างรัฐบาลก็ไม่ควรแก้ไข *** การออกพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงชะลอตัวลง หลังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงได้ลดทอนความต้องการกู้ยืมของผู้ออกตราสารหนี้ โดยมูลค่าการออกพันธบัตรทั้งหมดที่ระดมทุนในสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งตรึงค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 357,700 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนต.ค. ลดลงราว 30% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย. ตามสถิติข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1988 การชะลอตัวของการออกพันธบัตร เกิดขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของตลาดการเงินฮ่องกง หรือ HIBOR (Hong Kong Interbank Offered Rate) ยังคงทรงตัวในระดับสูง หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อปลายเดือนก.ย. ทั้งนี้ ภาวะสภาพคล่องที่ตึงตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนผลจากแรงซื้อในตลาดหุ้นและความพยายามของหน่วยงานการเงินฮ่องกง (HKMA) ในการปกป้องกลไกตรึงค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงกับดอลลาร์สหรัฐ *** บริษัท Berkshire Hathaway ของวอเรน บัฟเฟตต์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 โดยยังคงท่าทีระมัดระวังต่อทิศทางตลาด แม้กำไรเพิ่มขึ้น แต่บริษัทกลับปล่อยให้เงินสดสะสมแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 381,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 34% แตะ 13,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดการณ์ ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17% เป็น 30,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแรงหนุนของการขาดทุนในธุรกิจประกันภัยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้รวมเพิ่มขึ้นเพียง 2% ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม *** บริษัท Nexperia BV ผู้ผลิตชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทยินดีต่อถ้อยแถลงล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐฯ และจีน ที่ได้ขจัดอุปสรรคด้านการส่งออกชิปของบริษัทออกไป แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อถ้อยแถลงของบริษัทย่อยในจีน ซึ่งระบุว่าจะเร่งดำเนินการเพื่อก้าวไปสู่การเป็นองค์กรอิสระมากขึ้น โดย Nexperia ระบุว่า ขณะนี้บริษัทให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของการจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นอันดับแรก ขณะที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ออกแถลงการณ์แยกต่างหากว่า กำลังดำเนินการหารือกับรัฐบาลจีนและประเทศอื่น ๆ รวมถึงภาคอุตสาหกรรม เพื่อหาทางออกที่สร้างสรรค์และยั่งยืนสำหรับอนาคตของ Nexperia 
|