IRPC ลุ้นผลงานไตรมาส 4/68 สดใส รับส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวดี ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีคาดยังเจอปัจจัยลบจากอุปทานที่ล้นตลาด ส่วนปี 69 คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 68 พร้อมแย้มปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดิน หุ้นบริษัทในเครือ และทรัพย์สินอื่นๆที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เพื่อแปลงเป็นเงินตามกลยุทธ์ “4R” นางสาวมนทกานติ์ นาราช ผู้จัดการอาวุโส นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/68 มองว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากงวดไตรมาส 3/68 เนื่องจากมีปัจจัยบวกเรื่องการซ่อมบำรุงโรงกลั่น (Autumn Maintenance) ซึ่งจะสนับสนุนให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของสินค้าและวัตุดิบให้ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับยังมีแรงหนุนจากการเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งจะหนุนส่วนต่างของดีเซลและน้ำมันเตา
อย่างไรก็ตามจะมีปัจจัยลบจากความต้องการที่อ่อนตัวลง เพราะผ่านพ้นช่วงฤดูกาลขับขี่ไปแล้ว ซึ่งอาจกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของแก๊สโชลีนได้ 
ขณะที่ด้านธุรกิจปิโตรเคมีคาดส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์จะปรับตัวลดลง เนื่องจากมีปัจจัยลบจากสภาวะอุปทานที่ล้นตลาด กดดันราคา นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องติดตามและอาจส่งผลการลงทุน การบริโภค รวมถึงความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี สำหรับทิศทางผลประกอบการปี 69 มองว่า ธุรกิจปิโตรเลียม คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 68 โดยมีปัจจัยสนับสนุนตามฤดูกาลและอาจมีปัจจัยพิเศษระหว่างปี อาทิ สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนแนวโน้มกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของ PP และ HDPE ในกลุ่มโอเลฟินส์น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ABS อาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากยังมีอุปทานส่วนเกินที่กดดันตลาด อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่จะประกาศใช้ในปีหน้า ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ลดแรงกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบได้ ส่วนด้านงบลงทุนปี 69 นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหารและคณะกรรมการบริษัท นางสุจิตรา เผือกพิบูลย์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ IRPC กล่าวว่า ตามแผนการดำเนินกลยุทธ์ “4R” ที่สำคัญคือ Re-capitalize ซึ่งมีทรัพย์สินที่บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณา ได้แก่ ที่ดินของบริษัทที่จะมีการทยอยขายออกไป ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา และจะมีการขายหุ้นหรือเงินลงทุนที่ถืออยู่ในกลุ่มบริษัท รวมถึงกำลังพิจารณาขายทรัพย์สินอื่นๆเพื่อแปลงเป็นเงินได้ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และไม่ได้กระทบต่อธุรกิจหลักในด้านธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีของบริษัท อย่างไรก็ตามจะมีการทยอยแจ้งความคืบหน้าให้ทราบตามลำดับ ด้านสภาพคล่องของบริษัท ปัจจุบันมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 20,000 ล้านบาท เพียงพอในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ รวมถึงเพียงพอในการที่จะชำระหนี้ที่มีภาระในปีหน้า บริษัทมีทั้งเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะทยอยลดลงตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ภาระหนี้ของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง |