“เอกนิติ” พร้อมเดินหน้าเจรจาการค้าสหรัฐฯ ตามกรอบเวลาเดิม คาดปิดการเจรจาได้ภายในสิ้นปีนี้ ระบุท่าทีไทย-สหรัฐฯ ล่าสุด ยืนยันแยกเรื่องการเมืองออกจากประเด็นการค้า ขณะที่สภาพัฒน์ฯ แถลงจีดีพีไตรมาส 3/2568 โต 1.2% เป็นตามคาด มองแนวโน้มไตรมาส 4/2568 ฟื้นตัว อานิสงส์มาตรการคนละครึ่ง-เที่ยวดีมีคืน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ว่า การเจรจายังคงเดินหน้าตามกรอบเดิม และยังมีเป้าหมายปิดการเจรจาให้ได้ภายในสิ้นปี 2568 ตามโรดแมปที่กำหนดไว้ ซึ่งทีมยุทธศาสตร์การเจรจาของไทยได้ประชุมนอกรอบร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจในสหรัฐฯ เพื่อประเมินสถานการณ์ล่าสุด พร้อมยืนยันท่าทีร่วมกันว่านโยบายเดิมยังเดินหน้าต่อ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ความต่อเนื่องของกระบวนการเจรจาและหลักการที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ร่วมกัน และคาดว่าประเด็นภาษีจะมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ประเด็นสำคัญที่ไทยยืนยันกับสหรัฐฯ คือ การแยกเรื่องการเมืองออกจากประเด็นการค้าอย่างเด็ดขาด โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้หารือเรื่องนี้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศถือเป็นข้อมูลล่าสุดที่สุด และเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะไม่เชื่อมโยงการเมืองกับการเจรจาการค้า”นายเอกนิติ กล่าว นายเอกนิติ กล่าวว่า ส่วนเอกสารจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่ส่งมาก่อนหน้านั้น น่าจะจัดทำขึ้นก่อนที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือ ดังนั้นฝ่ายไทยจึงรอให้ท่าทีจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกส่งต่ออย่างเป็นทางการมายัง USTR “เรารอให้ข้อมูลจากผู้นำของเขาไปยัง USTR แต่ในฝั่งของไทย เราเดินตามกรอบเดิมทุกอย่าง ไม่หยุด ไม่ชะลอ ขณะที่สหรัฐฯ เองก็น่าจะต้องกลับไปหารือภายในก่อนส่งสัญญาณตอบกลับอย่างเป็นทางการ” นายเอกนิติ กล่าว นายเอกนิติ กล่าวว่า กรณีที่สํานักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศ GDP ไทยในไตรมาส 3/2568ขยายตัว 1.2% นั้น เป็นไปตามที่ประเมินไว้ แต่มั่นใจว่าไตรมาส 4 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นที่เริ่มเห็นผล เช่น โครงคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีมีคืน และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยในวันที่ 18 พ.ย. นี้ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเพิ่มเงินสูงสุด 2,000 บาทให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการและสนับสนุนการ Upskill–Reskill ผ่านแพลตฟอร์ม 
|