TIDLOR แย้มปี 69 เน้นขยายธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เผยจับตาสถานการณ์รถบรรทุก เหตุได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว พร้อมลุยธุรกิจนายหน้าประกันภัย คาดเติบโตมากกว่า 2 หลัก ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/68 มั่นใจสินเชื่อเติบโตสูงสุด พร้อมคุม NPL ไม่ให้เกิน 2% ตามเป้า นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2569 คาดจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือ แตกต่างไปจากปี 2568 โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ยังมีการเติบโตเล็กน้อย แต่ผู้ประกอบการรายกลาง และ รายเล็ก ยังหดตัว ซึ่งจีดีพีอาจจะเติบโตไม่ถึง 2% โดยปัจจัยที่ต้องติดตามในต่างประเทศ เช่น การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับไทย ในขณะที่ในประเทศ คือ การเมือง โดยเฉพาะจะมีการเลือกตั้ง และ มีรัฐบาลใหม่ ซึ่งต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับภาพรวมของบริษัทในปี 2569 คาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยคาดว่าจะเติบโตได้ในระดับตัวเลขสองหลัก (Double Digit) ในขณะที่สินเชื่อรถบรรทุกมีความอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจกว่ารถประเภทอื่นๆ ซึ่งทางบริษัทฯ จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันภัยคาดเติบโตได้ในระดับตัวเลขสองหลัก (Double Digit) เช่นกัน และ จะมากกว่าการเติบโตของสินเชื่อ โดยที่ผ่านมาเบี้ยประกันวินาศภัยรวมเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และช่องทางการขายที่ครอบคลุม รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา ยกระดับบริการผ่าน 3 แบรนด์หลักอย่าง ประกันติดโล่ อารีเกเตอร์ และ เฮ้กู๊ดดี้ ที่ช่วยขยายฐานลูกค้า และ โอกาสการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในทุกกลุ่มเป้าหมาย "ปีหน้าอยู่ระหว่างวางแผน แต่คาดว่าภาพรวมจะไม่ต่างจากปีนี้มากนัก ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน ยังกดดันต่อความต้องการสินเชื่อ ซึ่งที่ผ่านมาเรามีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ควบคุมคุณภาพหนี้ ในขณะเดียวกัน เราให้ความสำคัญกับธุรกิจนายหน้าประกันภัย เพราะมีการเติบโตที่ดี และ เติบ โตมากกว่าตลาด ที่สำคัญเราโตจากภายใน ไม่ได้โตจากการเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด ก็เชื่อว่า ปีหน้าจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับเรา"นายปิยะศักดิ์ กล่าว 
ในขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า(QoQ) โดยเฉพาะสินเชื่อคาดจะเติบโตสูงสุด ส่งผลให้ทั้งปี 2568 สินเชื่อจะเติบโตใกล้เคียงจากปี 2567 ประมาณ 7% ซึ่งในเดือนต.ค. 68 เห็นสินเชื่อเร่งตัวมากขึ้น ทางด้านอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม(NPL Ratio) ในไตรมาส 4/68 จะปรับลดลงต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 1.66% ส่งผลสิ้นปี 2568 จะควบคุมไม่ให้เกินระดับที่ 2% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมาจากการอนุมัติสินเชื่ออย่างรอบคอบ คุณภาพสินทรัพย์ที่ปล่อยใหม่คงอยู่ในระดับที่ดี การติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อ (Credit Cost) ในไตรมาส 4/68 จะปรับลดลงต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 2.2% โดยคาดว่าสิ้นปี 2568 จะไม่เกิน 3% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 
|