S เผยปี 69 เร่งขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุนแบบ JV มากขึ้น ตั้งงบลงทุน 3 พันลบ. ชูโรงแรมไทย - มัลดีฟส์ ยังเป็นเรือธง อัตราเช่าออฟฟิศยังโดดเด่น กางแผนออกหุ้นกู้ - เร่งปรับพอร์ตขายสินทรัพย์ไม่ทำเงิน เพื่อลดหนี้และเพิ่มกำไรอย่างมีคุณภาพ นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ปี 69 บริษัทเตรียมเดินหน้าการเติบโตผ่านรูปแบบร่วมทุน (JV) มากขึ้น โดยตั้งงบลงทุนสำหรับลงทุนของบริษัทเอง 3,000 ล้านบาท และกันงบลงทุนเพิ่มเติมไว้เพื่อร่วมลงทุนกับพันธมิตร หากมีโครงการที่มีศักยภาพเหมาะสม 
ตลาดที่อยู่อาศัยของบริษัทมีดีมานด์จากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ต่อเนื่อง แม้กลุ่มนักลงทุนชะลอตัดสินใจ แต่กลุ่มลักชัวรีและเรียลดีมานด์ยังเติบโตดี เช่น โครงการสริน พรานนก–กาญจนา ที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย บริษัทจึงมุ่งโฟกัสตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น แม้ยอดขายเชิงปริมาณจะชะลอ แต่คุณภาพลูกค้าและความชัดเจนของดีมานด์เพิ่มสูงขึ้น ปี 69 ทุกธุรกิจในกลุ่มทั้งโรงแรม ออฟฟิศ และนิคมอุตสาหกรรม คาดเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยธุรกิจโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์สร้างรายได้รวม 60–70% ของทั้งกลุ่ม หากยังรักษาคุณภาพลูกค้าได้ ก็จะช่วยหนุนรายได้และกำไรได้ต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเช่าอาคารสำนักงานอยู่ในระดับดีจะเป็นฐานรายได้สำคัญในปีถัดไป ส่วนธุรกิจนิคมฯ แม้ยอดโอนที่ดินชะลอ แต่ลูกค้าหลักชัดเจนมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีการระดมทุนปีละ 10,000 ล้านบาท ต่อเนื่อง 2–3 ปี เชื่อว่ายังเข้าถึงเงินทุนได้ดี ทั้งจากธนาคารและตราสารหนี้ โดยบริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อนำไปรีไฟแนนซ์ เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน รวมถึงการปรับพอร์ต โดยพิจารณาขายสินทรัพย์ที่ไม่ทำกำไร เพื่อนำเงินไปชำระหนี้และหมุนลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพมากกว่า สำหรับการเติบโตแบบ Inorganic Growth บริษัทพิจารณาเข้าซื้อโรงแรมใหม่ ทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หากมีการขายสินทรัพย์ที่ไม่ทำเงิน ก็พร้อมนำงบไปลงทุนในโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยเน้นประเทศที่มีดีมานด์ท่องเที่ยวแข็งแรง เช่น ไทย มัลดีฟส์ แนวโน้มไตรมาส 4/68 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจโรงแรม คาดว่าผลประกอบการจะโดดเด่นที่สุดของปี ทั้งไทย มัลดีฟส์ มีอัตราพักเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ออฟฟิศมีอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถทำกำไรดีขึ้นตามไปด้วย ฝั่งที่อยู่อาศัย บริษัทมี Backlog 900 ล้านบาท โดยโครงการสริน พรานนก–กาญจนา เตรียมโอนในไตรมาส 4 ซึ่งช่วยหนุนรายได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ธุรกิจนิคมฯ จะชะลอ แต่รายได้จากโรงไฟฟ้ายังมั่นคง 
|