บสย.โชว์ผลงานค้ำประกันสินเชื่อ 11 เดือน 35,781 ล้านบาท เร่งขยายความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง–รายย่อย พร้อมดัน TCG Score และแอปออนไลน์เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ชูปี 2569 ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อพลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.2568) บสย.มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 35,781 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ดำเนินการโดย บสย. 51% และโครงการตามมาตรการของรัฐ 49% ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,635 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอี ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,337 ราย สามารถรักษาการจ้างงาน 467,249 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการค้ำประกันได้มากกว่า 147,776 ล้านบาท 
สำหรับปีนี้ บสย.ยังได้ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น พบว่า 85% เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และสามารถช่วยกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) เข้าถึงสินเชื่อเป็นสัดส่วนถึง 70% ของจำนวนเอสเอ็มอีที่ บสย.ค้ำประกันตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา ส่วนโครงการตามมาตรการรัฐ PGS11 บสย.SMEs ยั่งยืน ตั้งแต่เปิดโครงการ ก.ค.2567-30 พ.ย. 2568 มียอดค้ำประกัน 46,147 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ 66,821 ราย เฉพาะโครงการค้ำประกันสินเช่อเช่าซื้อรถกระบะ ภายใช้มาตรการ กระบะพี่ มีคลังค้ำ และกระบะ (มือสอง) พี่มีคลังค้ำ มียอดค้ำประกัน 1,106 ล้านบาท สามารถช่วยเอสเอ็มอี เข้าถึงรถกระบะเชิงพาณิชย์ 1,662 คัน โดย บสย.ขยายการค้ำประกันไปยังกลุ่มรถกระบะ เพื่อช่วยเอสเอ็มอี รายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ เกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ซื้อรถกระบะเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2569 บสย.เตรียมวงเงินประมาณ 3,700 ล้านบาท ด้านประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1.การบริการ 33.2% , 2.อาหารและเครื่องดื่ม 10.3% , 3.เกษตรกรรม 7.9% ซึ่งทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีสัดส่วนค้ำประกัน 51% สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักในประเทศ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการสินค้า และบริการที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนที่ขยายตัวช่วงไฮซีซั่น นายสิทธิกร กล่าวว่า ทั้งนี้ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ และปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตลอดปีนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะปัญหาสภาพคล่องและการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ สะท้อนจากสภาพสินเชื่อเอสเอ็มอีที่หดตัวต่อเนื่อง โดย บสย.ชู Quick Big Win 50,000 ล้านบาท เติมสภาพคล่องเอสเอ็มอี อย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ตามประเภทของเอสเอ็มอี ได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick LG วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 100,000 บาท-100 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ที่ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ 2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Go Big วงเงินค้ำประกัน 35,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 200,000 บาท-40 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ทั่วไป และ SMEs ขนาดเล็ก ธุรกิจซัพพลายเชนที่ต้องการสินเชื่อเกิน 1 ล้านบาท 3.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Smart Win วงเงินค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 10,000 บาท-1 ล้านบาท ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs กลุ่มอาชีพอิสระที่ต้องการสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท เฉพาะโครงการนี้ บสย.ได้นำ Credit Scoring Model และ Risk-based Pricing (RBP) มาใช้ประเมินความเสี่ยงของลูกค้า เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อของ SMEs ที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2569 บสย.ชู 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อพลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ในประเทศไทยที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม 1.บูรณาการข้อมูล TCG Score ของบสย. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อย คนตัวเล็ก ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง 2.ยกระดับสำนักงานเขต บสย. 11 แห่งทั่วประเทศ ก้าวสู่ ศูนย์กลางทางการเงิน เชื่อมต่อกับสถาบันการเงินต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยพัฒนาระบบแอพพลิเคชั่นนำข้อมูลของ SMEs ที่มารับคำปรึกษาหรือใช้บริการ บสย. ผ่านสำนักงานเขต และ LINE OA : @tcgfirst คัดกรองผ่าน บสย. Credit Scoring และส่งต่อข้อมูลให้สถาบันการเงินที่เหมาะสม เพิ่มโอกาสของ SMEs ในการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น 3.พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ จากปัจจุบัน บสย.มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นตามกลุ่มลูกค้า 5 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจต่างๆ , กลุ่มที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายกิจการ , กลุ่มเปราะบาง , ธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และกลุ่มที่ต้องการเช่าซื้อรถกระบะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน จากนี้จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ในกลุ่มต่างๆ 4.เดินหน้าแก้หนี้ กลุ่มเปราะบาง สำหรับลูกหนี้ที่ บสย.จ่ายเคลม เงินต้นไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านมาตรการ บสย.พร้อใช่วย หรือ มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว เน้นยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ ตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น พร้อมลดต้นสูงถึง 30% เพื่อช่วยกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs สามารถปปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ในโครงการ ปิดหนี้ไว ไปต่อได้ |