รัฐบาลหนุนผู้ประกอบการโรงแรมในเมืองรอง หักค่าใช้จ่ายรีโนเวท 2 เท่า ใช้สิทธิได้วันนี้วันแรก รับสิทธิยกเว้นภาษีทรัพย์สินระยะยาว 20 รอบบัญชี พร้อมลงพื้นที่สำรวจตลาด “คนละครึ่งพลัส” วันแรกคึกคัก คาดตลอดโครงการฯ เงินสะพัดกว่า 8.8 หมื่นลบ. นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินหน้ามาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักใน “เมืองรอง” อย่างเฉพาะเจาะจง มาตรการดังกล่าว เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป มาตรการหลัก อนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถ หักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหรือรีโนเวทสถานประกอบการเป็น 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง สำหรับผู้ประกอบการในเมืองรองที่อยู่ในระบบภาษีของรัฐ โดยสามารถใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569 ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่นการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ - การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อลดต้นทุนพลังงานและสนับสนุนความยั่งยืน -การจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานสถานประกอบการ ควบคู่กัน รัฐบาลยังให้สิทธิ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรม ได้แก่ อาคารถาวร ที่อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยโรงแรม เครื่องตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนประกอบของอาคารและยึดติดอย่างถาวร โดยให้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีดังกล่าวเป็น จำนวนเท่า ๆ กันต่อเนื่อง 20 รอบระยะเวลาบัญชี รองโฆษกรัฐบาลระบุว่า มาตรการนี้จะช่วยลดภาระต้นทุน เพิ่มแรงจูงใจในการลงทุน และยกระดับคุณภาพบริการในพื้นที่เมืองรอง ส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงานและการหมุนเวียนรายได้ในชุมชนท้องถิ่น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน 
ด้าน นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สำรวจความพร้อมของร้านค้าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ตลาดนานาเจริญ , ตลาดเอ.ซี อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมมอบป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์โครงการให้แก่ผู้ประกอบการ โดยโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะเร่งด่วน รองโฆษกฯ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกของการใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” รัฐบาลเชิญชวนประชาชนที่ได้รับสิทธิ 20 ล้านคน ร่วมใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยรัฐบาลร่วมจ่าย 50% และประชาชนจ่ายเองอีก 50% สามารถใช้สิทธิได้ไม่เกินวันละ 400 บาท (รัฐบาลช่วยจ่ายสูงสุดวันละ 200 บาท) ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 จากการลงพื้นที่พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ประกอบการร้านค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และตื่นตัวต่อโครงการนี้เป็นอย่างมาก มีหลายรายเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชนได้จริง พร้อมขอให้รัฐบาลพิจารณาขยายโครงการต่อเนื่อง ไปยังเฟส 2 อีกด้วย รัฐบาลคาดว่า โครงการ “คนละครึ่งพลัส” จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้กว่า 88,000 ล้านบาท และส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 – 0.22 ภายในปี 2568 สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิในรอบนี้ สามารถรอการเปิดรับสมัครในเฟสที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเปิดในเดือนมกราคม 2569 โดยผู้ที่พลาดสิทธิในรอบแรกจะได้รับสิทธิจองลำดับก่อน “รัฐบาลมุ่งมั่นให้โครงการคนละครึ่งพลัสเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดภาระค่าครองชีพ และสร้างพลังเศรษฐกิจจากประชาชนให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน” 
|