สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้รวบรวมมุมมอง ของบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำที่ได้ประเมินทิศทางของ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON จากบทวิเคราะห์ที่ออกมาในวันที่ 28 พ.ย.68

สรุปปัจจัยบวก

*แนวโน้มไตรมาส 4 ฟื้นตัวเด่น: คาดว่าผลประกอบการและรายได้ใน 4Q68 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและเป็นจุดสูงสุดของปี จากการกลับมาเร่งงานก่อสร้างที่ล่าช้าและการรับรู้รายได้งานใหม่ (ดาโอ, ฟิลลิป, บัวหลวง, ทิสโก้)

*Backlog แข็งแกร่ง: มีงานในมือระดับสูงราว 1.2 แสนล้านบาท ช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องในปี 2026E (ดาโอ, ฟิลลิป, ทิสโก้)

*การกระจายธุรกิจสู่ New S-Curve: การขยายสู่ธุรกิจ Data Center, สาธารณูปโภค (น้ำ) และพลังงานสะอาด ช่วยเพิ่มอัตรากำไร (Margin) ให้สูงขึ้นและสร้างรายได้ประจำ โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่ 50% ภายใน 5 ปี (ฟิลลิป, ทิสโก้, บัวหลวง)

*โอกาสได้งานใหม่เพิ่ม: มีโอกาสเซ็นสัญญาโครงการภาคเอกชนเพิ่ม (Data Center, โรงไฟฟ้า) ในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้า และงานประมูลภาครัฐรถไฟฟ้าสายสีแดง (ดาโอ, ฟิลลิป, ทิสโก้, บัวหลวง)

*ผลกระทบจากเหตุถนนทรุดจำกัด: ค่าเสียหายอยู่ราว 20-30 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าประกันภัยจะคุ้มครองทั้งหมด จึงไม่กระทบกำไรอย่างมีนัยสำคัญ (ดาโอ, ทิสโก้)

*Valuation ไม่แพง: ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว และซื้อขายในระดับ P/BV ที่ต่ำ (ยูโอบีฯ, ฟิลลิป)

*โอกาสได้เงินคืน: มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการกลับรายการหนี้เสีย หากเจรจากับ UJV ในโครงการพลังงานสะอาดของไทยออยล์สำเร็จ (ทิสโก้)

ปัจจัยลบ

*งานใหม่ปีนี้ต่ำกว่าเป้า: ยอดเซ็นสัญญาใหม่ (New Orders) ในปี 2568 คาดว่าจะทำได้ราว 3.8-4.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ 5 หมื่นล้านบาท (ดาโอ, ยูโอบีฯ, ฟิลลิป, ทิสโก้)

*ขาดปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น: แม้พื้นฐานดีแต่ยังขาด Catalyst ใหม่ๆ ในช่วงสั้นถึงปานกลาง แนะนำให้รอจังหวะลงทุน (ยูโอบีฯ, บัวหลวง)

*ความเสี่ยงจากปัจจัยการเมือง: ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจทำให้การประมูลและการลงนามสัญญาโครงการภาครัฐล่าช้าออกไป (ดาโอ, ทิสโก้)

*ผลประกอบการ 3Q ชะลอตัว: กำไรในไตรมาส 3 อ่อนตัวลงจากปัญหาสภาพอากาศและงานเลื่อนรับรู้รายได้ (ฟิลลิป, ทิสโก้)