KBANK แจงโครงการซื้อหุ้นคืน ไม่มีข้อห้ามให้ผู้ถือหุ้นที่มิใช่บุคคลภายในกลุ่มธนาคาร ซื้อหรือขายหุ้น โดยยังคงมีสิทธิและใช้ดุลยพินิจได้อิสระ ตามความประสงค์ของผู้ถือหุ้น ธนาคาร กสิกรไทย หรือ KBANK แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ว่า การดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืน มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินกองทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ในการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ ธนาคารได้ดาเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 มาตรา 48(4) ได้บัญญัติห้ามมิให้สถาบันการเงิน ขาย ให้ หรือให้เช่าทรัพย์สินใดๆ แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว หรือรับซื้อ หรือเช่าทรัพย์สินใดๆ จากบุคคลดังกล่าว มีมูลค่ารวมกันสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนด เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. และธนาคารได้กำหนดกระบวนการ กลไกในการป้องกันและติดตามเพื่อให้มีการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าวข้างต้น โดยไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดวิธีการซื้อหุ้นคืนด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของ ตลท. (Automatic Order Matching: AOM) ซึ่งเป็นกระบวนการที่โปร่งใสและไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใด และได้รายงานให้ ธปท. รับทราบแล้ว ดังนั้น ธนาคารจึงขอเรียนว่าผู้ถือหุ้นที่มิใช่บุคคลภายในกลุ่มธนาคาร* ยังคงมีสิทธิและยังสามารถใช้ดุลพินิจโดยอิสระในการที่จะพิจารณาซื้อหรือขายหุ้นของธนาคารได้ตลอดเวลาตามความประสงค์ของผู้ถือหุ้นในการลงทุน ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างเท่าเทียม และเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นทุกราย หมายเหตุ: *บุคคลภายในกลุ่มธนาคาร ตามระเบียบที่ธนาคารกาหนด ได้แก่ กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้ซึ่งมีตาแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอานาจในการจัดการของสถาบันการเงิน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 
|