“เอกนิติ” สั่งตั้งคณะทำงาน Data Bureau เชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยงาน คุมช่องทางการเงินต้องสงสัย ทั้ง คริปโตฯ ทองคำ ร้านแลกเงิน หวังสกัดเงินเทา ชี้ทุกอย่างต้องแล้วเสร็จภายใน ธ.ค.นี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินเพื่อยกระดับการติดตามตรวจสอบธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัย ครั้งที่ 1/2568 ว่า ปัจจุบันช่องทางการเงินที่อาจเป็นพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น คริปโตเคอเรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านระบบเงินสด ผ่าน Money Changer ตลาดทองคำที่มีทั้งทองคำที่เป็น Physical (จับต้องได้) และตลาดทองคำที่เป็นตลาด Delivery (ซื้อขายกระดาษ พวกนี้เห็นพฤติกรรมแค่ปลายทางเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมี Money Changer ซึ่งมีธปท.กำกับ และก็มีสิ่งที่ธปท.ไม่ได้กำกับด้วย 
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัยเมื่อไหลเข้ามาแล้ว มักจะถูกฟอกเงินผ่านการซื้อขาย ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์, รถหรู, หรือ เพชร เป็นต้น นายเอกนิติ กล่าวว่า สิ่งที่จะดำเนินการหลังจากนี้ คือ ที่ประชุมฯ จะดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานดาต้าบูโร Data Bureau การ ภายใต้อำนาจของ ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งจะทำใน 3 เรื่อง โดยจะทำร่วมกันกับสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปปง. เป็นหลัก โดย 3 เรื่องประกอบด้วย 1.การพิสูจน์ตัวตน ว่าคุณคือใคร เป็นนิติบุคคล หรือ บุคคลธรรมดา เป็นตัวจริงหรือไม่ หรือ นอมินี 2.พฤติกรรม เพราะธุรกิจที่ต้องสงสัยจะมีพฤติกรรมแปลก เช่น แจ้งว่าเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามา แต่มีเงินไหลเข้าออกจำนวนมาก หรือแจ้งเป็นนักธุรกิจที่เข้ามาทำโรงแรม แต่มีเงินไหลเข้าออก ผิดปกติ ซึ่งอาจดูพฤติกรรมหลายช่องทาง ทั้งการซื้อทอง หรือ การแลกเงิน 3.ตรวจสอบการเงินไหลเข้า และไหลออก ซึ่งต้องเชื่อมโยงกับธปท. “เราไม่ได้แก้ไขเฉพาะเรื่อง แต่ทำทั้งระบบ จะยกระดับมาตรฐาน พฤติกรรมการเงินต้องสงสัย จะใช้ตัวอย่างจริง จากดีอี มาเป็นตัวอย่างในการดูว่าดาต้าเหล่านี้อยู่กับหน่วยงานไหน มีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือไม่ มีเงินไหลเข้าออกอย่างไร ไปดูกฎหมายที่กระจายอยู่ ทั้งกฎหมาย ปปง. ก.ล.ต. หรือ ธปท. หรือ ทองคำที่ไม่มีใครกำกับ จะใช้กฎหมายไหน จะเป็นแก้เชิงระบบ เพื่อใช้กฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันเอามาตรวจสอบพฤติกรรมน่าสงสัยเหล่านี้”นายเอกนิติ กล่าว รวมถึงจะเชื่อมโยงข้อมูลว่า หากกฎหมายปัจจุบันเอื้อไม่ถึง โดยรัฐมนตรีว่าการดีอี อยู่ระหว่างการทำกฎหมายที่ปิดช่องโหว่เหล่านี้ เช่น ทองคำ ที่ขณะนี้ยังไม่มีใครกำกับดูแล โดยจะใช้ข้อมูลจากส่วนต่างๆ มาพิจารณาว่า หากกฎหมายปัจจุบันครอบคลุมไม่ถึงจะสามารถใช้กฎหมายที่ รมว.ดีอี กำลังจะออกครอบคลุมได้หรือไม่ สำหรับเป้าหมายการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ที่มีปลัดกระทรวงการคลัง ผอ.สศค. และหน่วยงานที่จะเข้ามานั้น ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมาประชุมว่าช่องว่าง หรือ ช่องโหว่ของกฎหมายอยู่ตรงไหน การแลกเปลี่ยนข้อมูลจะทำอย่างไรบ้างซึ่งดาต้าบูโร จะเป็นตัวเชื่อม เพื่อยกระดับการติดตามข้อมูลธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัย โดยอยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบการกำกับดูแลทางการเงินที่ได้มาตรฐานสากล โดยจะนำมาตรฐานของ FATF (Financial Anti Money Laundering Action Task Force) มาพิจารณาว่าไทยจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ยกระดับตามมาตรฐานสากล “ภายในเดือน ธ.ค. ทุกอย่างจะต้องเสร็จ ระบบนี้ อำนาจชุดเชื่อมโยงข้อมูลนี้ไม่ได้ลงเป็นรายเคส แต่จะเอาตัวอย่างมาลองดู เพื่อดูว่ากลไกทางการเงิน ตรวจเส้นทางการเงิน พฤติกรรมได้ไหม พิสูจน์ตัวตนได้ไหม เอาเครื่องมือของ DE มาช่วย โดยตั้งเป้าหมายว่าสิ้นเดือนพ.ย. นี้ จะได้ความชัดเจนของรูปแบบ Data Bureau และภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ จะได้ระบบที่จะดูแลป้องกันประเทศไทย เป็นที่ที่เราจะสามารถกำกับดูแลธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัยได้มาตรฐานสากล จากการบูรณาการร่วมกัน”นายเอกนิติ กล่าว เบื้องต้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และผู้เชี่ยวชาญ จะบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อยกระดับการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัย (เงินเทา) ให้มีความเป็นมาตรฐานสากล 
|