นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดสงขลา พร้อมตั้ง ผบ.สส. เป็นผู้บัญชาการณ์สถานการณ์ในพื้นที่ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย เป็นศูนย์กลางรวบรวม และคัดกรองข้อมูลผู้ประสบภัย พร้อมยกระดับการช่วยเหลือเร่งด่วน
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เรื่อง การกําหนดอํานาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอํานาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 แล้ว นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ให้บรรดาอํานาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย หรือที่มีอยู่ตามกฎหมายโอนมาเป็นอํานาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้ง ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟูหรือช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ ให้รวมถึงกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวข้างต้นด้วย ให้ส่วนราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายข้างต้นยังคงใช้อํานาจหน้าที่เช่นเดิมต่อไป และในการใช้อํานาจหน้าที่นั้นต้องสอดคล้องกับ เว้นแต่นายกรัฐมนตรีจะมีประกาศหรือคําสั่งเป็นอย่างอื่น การสั่งการของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่25 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นต้นไป 
พร้อมทั้งได้แต่งตั้งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดสงขลาและไดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขานุการศูนย์ฯ รวมทั้งมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และพลโท วันชนะ สวัสดี เป็นโฆษกประจำศูนย์ฯ และคณะทำงานจากทุกภาคส่วนเข้ามาบูรณาการร่วมกัน โดยศูนย์ฯ นี้ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวม - คัดกรองข้อมูลทั้งหมดจากประชาชนผู้ประสบภัย โดยกำหนดหมายเลขประสานงานคือ 1784 และ 1111 รวมถึงช่องทางเพจข่าวสารต่าง ๆ ของภาครัฐ ก่อนแยกเป็นระดับเร่งด่วน ได้แก่
- เคสสีแดง ผู้มีความเสี่ยงสูงและต้องช่วยเหลือทันที
- เคสสีเหลือง ผู้ที่ยังอาศัยในบ้านแต่ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม หรือสิ่งของจำเป็น เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยปฏิบัติในพื้นที่อย่างแม่นยำ ลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าช่วยเหลือ
ด้านการบริหารพื้นที่ ผู้บัญชาการส่วนหน้าจะจัดแบ่งเคส และประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวบรวมและตรวจสอบความต้องการของแต่ละจุด จากนั้นจะเลือกวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด
สำหรับสถานพยาบาล นายกฯ กำชับเป็นพิเศษ โดยเฉพาะโรงพยาบาลหาดใหญ่ โดยให้การไฟฟ้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้โรงพยาบาลขาดไฟฟ้า เพื่อให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้มากที่สุด
การจัดตั้งศูนย์ฯ แห่งนี้มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ ลดความซ้ำซ้อน และเร่งรัดให้การช่วยเหลือสามารถส่งต่อไปถึงพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดมากยิ่งขึ้น รวมถึงบริหารจัดการการช่วยเหลือจากจิตอาสาไม่ให้ตกหล่น และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ศูนย์ฯ จะยังทำหน้าที่จัดการข้อมูลและสิ่งของในศูนย์อพยพแต่ละแห่งให้เป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพต่อไป 
|