CK เผยกำไรงวด Q3/68 แตะ 1,739 ลบ. บวก 72.55% YoY ด้านงวด 9 เดือนกำไรแตะ 2,884 ลบ. บวก 78% YoY หลังขายหุ้นหลวงพระบาง ได้รับชำระค่าหุ้น 2,765 ลบ. ด้านรายได้สัญญาก่อสร้างเพิ่ม
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ ไตรมาส 3/68 ที่ 1,738.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 731.15 ล้านบาท หรือ 72.55% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ด้านผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนปี 68 มีกำไรสุทธิ 2,883.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,267.07 ล้านบาท หรือ 78.37%
เป็นผลมาจากกําไรจากการขายหุ้นบริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จํากัด รวมทั้งส่วนต่างมูลค่าที่เกิดจากการเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนในบริษัทร่วมด้วยมูลค่ายุติธรรมสําหรับเงินลงทุน 10 % ที่เหลือ มีรายได้จากสัญญาก่อสร้างเพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนก่อสร้างที่ดี และการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ก.ย.68 บริษัทฯจําหน่ายและโอนหุ้นสามัญดังกล่าวแล้ว และได้รับชําระค่าหุ้นเป็นจํานวน 2,765 ลบ. ทําให้บริษัทฯเสียการมีอิทธิพลอย่างมีนัยสําคัญ กลุ่มบริษัทจึงเปลี่ยนการจัดประเภทเงินลงทุน จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุนในตราสารทุนที่กําหนดให้วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น จํานวน 1,983 ลบ. และบันทึกกําไรจากการจําหน่ายและเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนในบริษัทร่วมจํานวน 805 ลบ.ในงบกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม (งบการเงินเฉพาะกิจการ : 782 ลบ.)
สำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากสัญญาก่อสร้าง 33,552 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94.25 ของรายได้รวม โดยเพิ่มขึ้น 5,507 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 19.64% เนื่องมาจากความคืบหน้าของงานก่อสร้างโดยรับรู้จากโครงการหลัก อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งการดําเนินการเป็นไปตามแผนงานการก่อสร้าง หนุนด้วยรายได้งานก่อสร้างและงานระบบโครงการรถไฟฟ้ าสายสีส้ม งานระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ขณะที่งานก่อสร้างหลายโครงการใกล้แล้วเสร็จ เช่น โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำบางมด-สําโรง โครงการก่อสร้างขุดคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร
นอกจากนี้งวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนในการรับเหมา ก่อสร้าง 30,924 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,914 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็น 18.89% บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรขั้นต้น 2,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 593 ล้านบาท คิดเป็น 29.17% เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีความคืบหน้าในการก่อสร้าง ขณะที่อัตรากําไรขั้นต้น เท่ากับ 7.83% เทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งเท่ากับ 7.25%

สําหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร จํานวน 1,673 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็น 2.44% โดยมาจากค่าใช้จ่ายของงานที่เพิ่มขึ้นตามการเร่งตัวของงานและค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับพนักงาน
สําหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุน ในบริษัทร่วมจํานวน 1,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น 1.74% หลักๆมาจาก บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จํากัด (มหาชน) รับรู้ส่วนแบ่งกําไรสุทธิจากการดําเนินงานของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จํากัด ตาม ปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และจากการรับรู้รายการกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของ บริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จํากัด และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จํากัด (มหาชน) รายได้การให้บริการจากธุรกิจหลักยังคงใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สําหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงิน จํานวน 1,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 254 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตราดอกเบี้ยที่ สูงขึ้นจากเงินกู้ยืมระยะยาว บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ ถือหุ้นตามงบการเงินรวมเท่ากับ 1.47 เท่า ลดลงจากสิ้นปีก่อนซึ่งเท่ากับ 1.67 เท่า อย่างไร ก็ตาม ยังต่ํากว่าเงื่อนไขของการออกเงินกู้หุ้นกู้ซึ่งกําหนดไว้ไม่เกิน 3.00 เท่า

|