ORI ประเมินกำไรปี 69 ไว้ที่ 1,126 ล้านบาท เติบโต 5% จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือ และ รับรู้กำไรจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและกลุ่มธุรกิจ Warehouse ที่จะเข้ามาหนุน ส่วน Q4/68 มั่นใจเติบโตดีที่สุดของปี หลังโอน 6 คอนโดมิเนียมใหม่ และ บุ๊กกำไรพิเศษจากการขายโรงแรม นางสาวกนกไพลิน วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่าบริษัทคาดกำไรสุทธิปี 2569 จะอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท เติบโต 5% ขณะที่ในปี 2570 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,484 ล้านบาท เติบโต 32% และ ในปี 2571 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,758 ล้านบาท เติบโต 19% โดยแผนเปิดโครงการในปีหน้า จะยังเน้นในพื้นที่กรุงเทพ โดยจะเป็นการระบายสินค้าในสต็อกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนปี 2570 จะเพิ่มโซนอีสานอย่างขอนแก่นและนครราชสีมา รวมถึงโซนอีอีซี และในปี 2571 จะเพิ่มพื้นที่นนทบุรีเข้ามา โดยผลประกอบการที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจาก Backlog ที่มีอยู่ ประกอบกับ กลุ่มธุรกิจโรงแรม และกลุ่มธุรกิจ Warehouse (คลังสินค้า) ที่จะเข้ามาเสริมทางด้านของกำไร สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/68 จะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 3/68 ที่ผ่านมา โดยจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าไตรมาส 1, 2 และ 3 ของปี 2568 เนื่องจากในไตรมาส 4/68 มีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่จำนวนมากถึง 6 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วประมาณ 72% ประกอบกับ จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมเข้ามาหนุน ดังนั้น ผลประกอบการไตรมาส 4/68 จึงจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี 2568 
โดยสิ้นไตรมาส 3/68 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมอยู่ที่ 40,980 ล้านบาท เป็น Backlog จากโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 22,993 ล้านบาท และ เป็น Backlog จากโครงการร่วมทุน 17,987 ล้านบาท ซึ่ง Backlog ดังกล่าว จะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4/68 ประมาณ 10,967 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2571 และ ในไตรมาส 4/68 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,800 ล้านบาท โดยจะเข้ามาเสริม Backlog
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการ ออริจิ้น เรสซิเดนเซส ภูเก็ต บางเทา คอนโดมิเนียมสุดหรูเลี้ยงสัตว์ได้ ในรูปแบบเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับพรีเมียม โดยได้เปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์รอบ First Premier Online Booking เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา และ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งมียอดขายกว่า 500 ล้านบาท SOLD OUT ภายในเวลาเพียง 15 นาที และ หลังความสำเร็จของรอบ Online Booking บริษัทเตรียมเดินหน้าสู่การเปิดจองรอบพิเศษต่อเนื่องในงาน THE EXCLUSIVE PREMIER BOOKING ในวันที่ 28-29 พฤศจิกายน นี้ นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/68 บริษัทยังได้ปิดดีลขายหุ้นโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ทั้งหมดให้ “ตันบุญ” ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านบาท สามารถบันทึกกำไรได้ในไตรมาส 4/68 ทันที ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นการพัฒนา และ ยกระดับศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม และ สร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้กับกลุ่มธุรกิจโรงแรม โดยกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยปลดล็อคมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินโรงแรม (Unlock Asset Value) ทั้งยังเอื้อต่อการขยายการลงทุนในอนาคต รวมถึงสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แผนการพัฒนาระยะยาวของกลุ่มบริษัท
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ประเมินว่า ขณะนี้ความต้องการยังมีอยู่ แต่หลายบริษัทชะลอเปิดโครงการ ซึ่งเชื่อความ ดีมานด์ - ซัพพลาย น่าเริ่มกลับมาสมดุลได้ ใน 1-2 ปี นอกจากนี้ กรณีที่ธนาคารเข้มงวดสินเชื่อมากขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบเช่นกัน ซึ่งทางบริษัทได้เข้าไปพูดคุยกับหลายธนาคาร ให้เห็นว่าลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มลูกค้าคุณภาพ เพื่อให้ธนาคารพิจารณามาตรการเพิ่มให้ 
|