*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 61.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ปิดที่ 64.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ราคาน้ำมันดิบโลกเคลื่อนไหวทรงตัวในวันจันทร์ (3 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนประเมินปัจจัยระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตล่าสุดของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) กับแผนชะลอการขยายกำลังการผลิตในไตรมาสแรกปี 2026 รวมถึงความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดและข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอในเอเชีย *** ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนต.ค. ท่ามกลางคำสั่งซื้อใหม่ที่ซบเซาและการส่งมอบวัตถุดิบให้โรงงานที่ล่าช้า เนื่องจากผลกระทบจากภาษีนำเข้าสินค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยรายงานของ ISM ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนต.ค. จาก 49.1 ในเดือนก.ย. โดยระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคการผลิต ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10.1% ของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่เหนือระดับ 42.3 ซึ่ง ISM ระบุว่าในระยะยาวยังสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม *** OTC Industrial Technologies บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งเคยอาศัยการจัดหาชิ้นส่วนจากจีน ซึ่งต่อมาได้ย้ายฐานไปยังอินเดีย กำลังเผชิญความท้าทายใหม่หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าปรับขึ้นภาษีศุลกากรต่อประเทศคู่ค้าหลายแห่งอย่างกว้างขวาง ทำให้สมการต้นทุนของห่วงโซ่อุปทานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่า “เราเคยย้ายสายการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ แต่ตอนนี้ภาษีที่ถูกเรียกเก็บจากประเทศเหล่านั้น กลับเท่ากันหรือรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ เราทำได้แค่พยายามประคองตัวให้อยู่รอดในระยะสั้นโดยไม่ล้มละลาย” สถานการณ์นี้สะท้อนภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของภาคธุรกิจ ตลอดจนกระทรวงการค้าต่างประเทศ ทนายความด้านการค้า และนักเศรษฐศาสตร์ ที่ต่างจับตาการพิจารณาคดีของศาลฎีกาสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการไต่สวนในวันพุธนี้เกี่ยวกับความชอบธรรมด้วยกฎหมายของมาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้ทั่วโลก *** รัฐบาลจีนประกาศจะขยายเวลานโยบายยกเว้นวีซ่า (visa-free entry) สำหรับพลเมืองจาก 45 ประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2026 พร้อมทั้งเพิ่มสวีเดนเข้าร่วมในโครงการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2025 เป็นต้นไป การขยายเวลาครั้งนี้ครอบคลุมประเทศในยุโรปจำนวน 32 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และหลายประเทศในอเมริกาใต้ รวมถึงชาติในอ่าวอาหรับ ทั้งนี้ สหรัฐฯ แคนาดา และสหราชอาณาจักร ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตามโครงการดังกล่าว *** เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียแสดงท่าทีต้องการยืนยันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจีนอย่างชัดเจน เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุมสุดยอด ซึ่งหลังจากการเจรจาที่ทรัมป์ยกย่องว่าเป็น “การพบปะที่ยอดเยี่ยม” รัสเซียได้ส่งคณะผู้แทนระดับสูงเดินทางเยือนจีน เพื่อหารือและลงนามข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยมีนายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชูสติน (Mikhail Mishustin) เดินทางเพื่อประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง (Li Qiang) ของจีนเป็นเวลา 2 วัน *** บริษัท Amazon ลงนามข้อตกลงมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านหน่วยธุรกิจคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) เพื่อจัดหากำลังประมวลผลให้แก่ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ซึ่งมีความต้องการทรัพยากรด้านการประมวลผลในระดับมหาศาล ภายใต้ข้อตกลงระยะเวลา 7 ปี OpenAI จะชำระค่าบริการให้กับ AWS เพื่อเข้าถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกของ Nvidia จำนวนหลายแสนตัว เพื่อใช้ในการรันและขยายการประมวลผลสำหรับโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท *** บริษัท Microsoft ลงนามในข้อตกลงมูลค่าราว 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อกำลังประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากบริษัท IREN ของออสเตรเลีย ซึ่งจะทำให้ไมโครซอฟท์กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยข้อตกลงระยะเวลา 5 ปี จะเปิดโอกาสให้ Microsoft เข้าถึงระบบของ Nvidia ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับการประมวลผลงานด้าน AI โดย IREN เปิดเผยในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่าดีลดังกล่าว ประกอบด้วยการชำระเงินล่วงหน้า 20% เพื่อจองความจุประมวลผล นอกจากนี้ IREN ยังได้ตกลงซื้อชิปกราฟิก (GPU) และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมูลค่ารวม 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก Dell Technologies Inc. เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว *** บริษัท Microsoft เปิดเผยว่าได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป Nvidia ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเร่งการพัฒนาศักยภาพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของภูมิภาคอ่าวอาหรับให้ก้าวหน้าเร็วขึ้น โดยระบุว่า ตนเป็นบริษัทแรกที่ได้รับอนุญาตลักษณะนี้ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวออกโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ภายใต้มาตรการควบคุมเทคโนโลยีที่เข้มงวดและปรับปรุงใหม่ ใบอนุญาตนี้จะเปิดทางให้ Microsoft สามารถจัดส่งชิป Nvidia A100 จำนวนเทียบเท่า 60,400 ตัว รวมถึงชิป GPU รุ่นใหม่ GB300 ที่ทรงพลังยิ่งกว่า เพื่อสนับสนุนการประมวลผลด้าน AI ขั้นสูงในภูมิภาค 
*** หุ้นของบริษัท Kimberly-Clark ร่วงแรงที่สุดในรอบกว่า 25 ปี หลังประกาศข้อตกลงเข้าซื้อกิจการ Kenvue ผู้ผลิตยาแก้ปวด Tylenol ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบโดยทำเนียบขาว โดย Kimberly-Clark ระบุว่าจะเข้าซื้อ Kenvue มูลค่าราว 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อคว้ากลุ่มแบรนด์สินค้าสุขภาพชื่อดังที่เผชิญปัญหาอยู่ในขณะนี้ โดยดีลดังกล่าวถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ ที่จะผลักดันเจ้าของแบรนด์ Kleenex ให้ขึ้นสู่ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมสุขภาพเพื่อผู้บริโภค *** บริษัท Palantir Technologies Inc. ปรับเพิ่มประมาณการรายได้รวมทั้งปีเป็น 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังรายงานยอดขายไตรมาส 3 ที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทกลับร่วงลงในช่วงซื้อขายหลังปิดตลาด ท่ามกลางความกังวลว่าราคาหุ้นอาจพุ่งเกินปัจจัยพื้นฐาน โดยหุ้น Palantir ลดลงราว 3% ในการซื้อขายช่วงนอกเวลาทำการ หลังจากที่พุ่งขึ้นมากถึง 7% ในระหว่างวัน หลังรายงานผลประกอบการ ทั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับตัวขึ้นกว่า 150% ตั้งแต่ต้นปี และปิดตลาดวันจันทร์ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 207.18 ดอลลาร์สหรัฐ *** Apple วางกลยุทธ์ชัดเจนสำหรับการอัปเดต Siri รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเบื้องหลังการทำงานของ Siri รุ่นใหม่นี้จะใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) “Gemini” ของ Google เป็นแกนหลักในระบบ โดยโมเดล Gemini ที่ถูกปรับแต่งพิเศษจะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ Private Cloud Compute ของ Apple เพื่อประมวลผลคำสั่งของผู้ใช้แบบปลอดภัย ซึ่ง Apple ระบุว่า Siri รุ่นใหม่นี้จะสามารถตอบคำถามส่วนบุคคลได้ โดยจะค้นหาข้อมูลจากอุปกรณ์ของผู้ใช้และสร้างคำตอบแบบเรียลไทม์ *** รายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัท Berkshire Hathaway ที่บริหารโดยนักลงทุนระดับตำนานวอเรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) บ่งชี้ว่า บริษัทอาจขายหุ้น Apple เพิ่มเติมอย่างเงียบ ๆ ไปแล้วในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยในรายงานระบุว่า มูลค่าต้นทุนการถือครองหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของ Berkshire ลดลงราว 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งหมวดดังกล่าวมีหุ้น Apple เป็นสัดส่วนหลักของพอร์ต จึงมีแนวโน้มสูงว่าการลดลงครั้งนี้สะท้อนถึงการขายหุ้น Apple บางส่วนออกจากพอร์ตการลงทุน *** บริษัท Samsung SDI ของเกาหลีใต้ อยู่ระหว่างการเจรจากับ Tesla เพื่อจัดหาแบตเตอรี่ ESS (Energy Storage System) ในดีลที่มีมูลค่าราว 3 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 2,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากการลงนามเกิดขึ้นจริง จะเป็นอีกก้าวหนึ่งของ Tesla ในความพยายามลดการพึ่งพาจีน สำหรับชิ้นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Tesla ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทเกาหลีใต้หลายแห่ง ทั้งกับ Samsung Electronics เพื่อจัดหาชิป และ LG Energy Solution เพื่อจัดหาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อกระจายแหล่งจัดหาชิ้นส่วนออกจากจีน *** บริษัท Grab Holdings เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 โดยมีรายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งในบริการเรียกรถและส่งอาหาร รวมถึงการขยายแพลตฟอร์มที่ดึงดูดผู้ใช้รายใหม่เข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง สำหรับไตรมาส 3 Grab รายงานรายได้รวม 873 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 872.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลจาก LSEG โดยรายได้จากธุรกิจส่งอาหารอยู่ที่ 465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ *** ราคาฮาฟเนียม (Hafnium) ในยุโรป ทะยานขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนของอุปทานที่ตึงตัวภายใต้การควบคุมการส่งออกของจีนและความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และกังหันก๊าซซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ราคาฮาฟเนียมอยู่ในช่วง 6,300–7,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 2023 โดยฮาฟเนียมเป็นโลหะหายากที่เกิดขึ้นในสัดส่วนประมาณ 1 ส่วนต่อเซอร์โคเนียม 50 ส่วน และเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการกลั่นเซอร์โคเนียม ทำให้กระบวนการแยกโลหะมีความซับซ้อนและมีต้นทุนสูง โดยข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) ระบุว่า จีน เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้ส่งออกฮาฟเนียมที่สำคัญที่สุดในปี 2024 *** บริษัท Starbucks ประกาศการจัดตั้งกิจการร่วมค้ากับ Boyu Capital ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อดำเนินการบริหารสาขาของบริษัทในประเทศจีน ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงซึ่งมีมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ Boyu จะเข้าถือหุ้นในกิจการร่วมค้าในสัดส่วน 60% ขณะที่ Starbucks จะถือหุ้น 40% และยังคงความสามารถในการให้สิทธิ์การใช้แบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญาแก่กิจการร่วมค้า *** บริษัท Baidu ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม AI และเทคโนโลยีอัจฉริยะของจีน เปิดเผยว่า บริการรถยนต์ไร้คนขับ Apollo Go ของบริษัทได้ให้บริการมากกว่า 250,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวเลขเทียบเท่ากับระดับที่บริษัท Waymo ของสหรัฐฯ เคยรายงานไว้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โฆษกของ Baidu ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเร่งขยายขีดความสามารถของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ของบริษัท ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Apollo Go เกิดขึ้นในช่วงที่จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI), ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (autonomous driving) *** บริษัท Xpeng Motors กลับสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตอย่างมั่นคงตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่มียอดส่งมอบลดลงเลยแม้แต่เดือนเดียว ซึ่ง Xpeng ส่งมอบรถยนต์ได้ 42,013 คันในเดือนที่ผ่านมา เป็นครั้งที่ 2 ของปี ที่บริษัทมียอดส่งมอบทะลุระดับ 40,000 คัน สะท้อนถึงความต่อเนื่องของกระแสความต้องการในตลาด การเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Xpeng เพิ่มแรงกดดันให้กับ Tesla ของอีลอน มัสก์ ซึ่งเผชิญยอดส่งมอบที่ผันผวนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูงในจีน โดยข้อมูลจาก สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) ระบุว่า ยอดขายรวมของ Tesla China ในช่วง 3 เดือนล่าสุดมีความผันผวน สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตจีนรายใหม่อย่าง Xpeng ซึ่งกำลังเร่งขยายส่วนแบ่งตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมั่นคง 
|