พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ ต.ค. 68 ติดลบ 0.76% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากมาตรการลดค่าครองชีพ รับทั้งปีมีโอกาสติดลบ จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หนุนเงินเฟ้อดีขึ้น นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ต.ค. ติดลบ 0.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดคาด และเป็นการติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน ตัวเลขที่ติดลบดังกล่าว เป็นผลจากมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชนของภาครัฐ ส่งผลให้ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น นอกจากนี้ มีสินค้าสำคัญที่คาลดลง ได้แก่ เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด จากปริมาณผลผลิจที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งของใช้ส่วนบุคคล จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ 
“ยืนยันว่า ขณะนี้ด้านดีมานด์ยังไม่มีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบเคยมากสุดคือ 12 เดือน ในช่วง มี.ค. 63- มี.ค. 64 โดยประเมินว่า เงินเฟ้อหลังจากนี้ จะต้องดูว่ามีแรงสนับสนุนหลักจากด้านพลังงาน หากนโยบายด้านพลังงานต่างประเทศยังลดลง และเงินบาทยังแข็งค่าขึ้น มีความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนมาตรการภาครัฐ มองในแง่ของการลดค่าครองชีพ ซึ่งทำให้รายได้เพิ่มขึ้นกระตุ้นรายจ่าย ซึ่งมีส่วนทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ประกอบกับมาตรการต่างๆของภาครัฐ ทั้งคนละครึ่งที่ผ่านมา และมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนที่จะดำเนินการ ที่จะสนับสนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้ ต้องติดตามมาตรการของภาครัฐต่อไป”นายนันทพงษ์ กล่าว สำหรับเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 0% บนสมมติฐาน อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) 1.8-2.3% น้ำมันดิบดูไบ ทั้งปีที่ 63-73 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนทั้งปี 32.50-33.50 บาทต่อดอลลาร์ “ยอมรับว่า มีโอกาสที่จะติดลบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันทั่วโลกที่ลดลง การบรรเทาภาระค่าครองชีพ แต่อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังประเมินไว้ที่ 0% โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ยังไม่ได้ประเมิน แต่แนวโน้มคาดว่าในเดือนต่อไปยังอาจจะติดลบอยู่ แต่ไม่ได้ฟันธง 100% เพราะอยากดูผลของมาตรการภาครัฐว่าจะกระตุกขึ้นได้หรือไม่ โดยไตรมาสสุดท้ายคาดติดลบ 0.52% แต่อย่างไรก็ตามในการประเมินดังกล่าว ยังไม่ได้รวมผลของมาตรการภาครัฐ”นายนันทพงษ์ กล่าว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ต.ค. 68 อยู่ที่ 0.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 10 เดือน อยู่ที่ 0.87% ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.11% เป็นผลจากหทวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลดลง 0.05% ขณะที่หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.14% จากแก๊ซโซฮอล์ น้ำมันดีเซล ขณะที่ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ลดลง 0.09% อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ในเดือน ก.ย. 68 ลดลง 0.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ในระดับต่ำอันดับที่ 6 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลขและต่ำเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียนจาก 10 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน พ.ย. ยังคงลดลง โดยมีปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อลดลง ดังนี้ 1.ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ จากกลุ่มประเทศ OPEC+ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพ ผ่านโครงการ Quick Big Win ส่งผลให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (OFFO) ปรับลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนน้ำมันดีเซล และทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร 2.ภาครัฐดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย 3.ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับสูง 4.ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับลดราคาห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ (ณ 21 ต.ค. 2568) โดยเฉพาะมาตรการหักลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 20,000 บาท ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น คือ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น กะทิสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น 
|