UAC เผยไตรมาส 3/68 ขาดทุน 16.28 ล้านบาท ลดลง 33.68% ขณะที่งวด 9 เดือน กำไร 53.11 ล้านบาท EBITDA 177.86 ลบ. รายได้ระดับ 1,247 ลบ. ด้านความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าภูผาม่าน เฟส 2 คาดเดินเครื่องได้ภายในปีนี้ นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,247.41 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้น 53.11 ล้านบาท และ EBITDA 177.86 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจพลังงานและปิโตรเลียม แม้เผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นก็ตาม พร้อมยืนยันรักษากระแสเงินสดในกระเป๋าไว้อย่างแข็งแกร่ง 364.83 ล้านบาท และ D/E ลดเหลือ 0.67 เท่า แม้ภาวะตลาดโลกยังผันผวนจากนโยบาย Trump 2.0 และผลของ US Tariffs แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์บริหารต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลให้ธุรกิจหลักอย่างกลุ่ม Trading มีกำไรอยู่ในระดับ 118.99 ล้านบาท พร้อมประกาศตอกย้ำฐานะทางการเงินยังแกร่ง โดยมีสภาพคล่องเงินสดกว่า 364.83 ล้านบาท ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน ( D/E Ratio) ลดเหลือเพียง 0.67 เท่า แม้ต้องเจอแรงกดดันวิกฤตเศรษฐกิจโลกฉุดภาพรวมธุรกิจลดลง
ด้านกลุ่ม Manufacturing – Petroleum และ Manufacturing – Energy มีรายได้เพิ่มขึ้น 2.97% และ 17.97% ตามลำดับ โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเลียมที่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นระดับ 380 BPD จากการทำ Workover หลุมผลิตในพื้นที่ L11/43 รวมถึงราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/2568 พร้อมรับรู้รายได้จากโรงงานผลิต RDF3 - CYC ที่ประเทศอินโดนีเซียอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บวกกับโรงงาน PPP ที่ได้รับ Associated Gas เพิ่มขึ้นจากแหล่ง L11/43 ขณะที่โรงไฟฟ้า MT และโรงไฟฟ้า PPM ยังคงมีรายได้ต่ำกว่าแผนจากการประสบปัญหาอุทกภัย และวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิต ซึ่ง UAC เองก็ได้เร่งจัดหาแหล่งวัตถุดิบเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต ในส่วนฐานะการเงิน UAC ยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 364.83 ล้านบาท ที่สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคงและต่อเนื่อง พร้อมการบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงเหลือ 0.67 เท่า ในงบรวม และ 0.20 เท่า ในงบเฉพาะกิจการ ต่ำกว่ากรอบนโยบายที่กำหนดไว้ สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ขาดทุน 16.28 ล้านบาท ลดลง 33.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 24.55% โดยรายได้จากการขายและให้บริการลดลง 411.71 ล้านบาท หรือลดลง 57.87% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของรายได้กลุ่มธุรกิจ Trading 456.51 ล้านบาท ในขณะเดียวกันธุรกิจในกลุ่ม Manufacturing – Energy และกลุ่มธุรกิจ Manufacturing – Petroleum มีรายได้เพิ่มขึ้น 17.55 ล้านบาท และ 27.25 ล้านบาท ขณะที่รายได้อื่นลดลง 17.84 ล้านบาท หรือลดลง 77.36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ได้รับส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม เนื่องจากมีการโอนขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทร่วมไปแล้วเมื่อปลายปี2567 ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการ โครงการโรงไฟฟ้าภูผาม่าน (PPM) ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียบร้อย แล้วเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 ปัจจุบันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เดินเครื่อง Generator#1 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ แล้วเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 และคาดว่า Generator#2 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ จะสามารถ ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในปี 2568 อย่างไรก็ตาม นอกจากการมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจแล้ว บริษัทและบริษัทในเครือยังคงให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจภายใต้ธรรมาภิบาล โปร่งใส ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียเป็นสำคัญ พร้อมกับการดำเนินการควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) โดยบริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามหลักการ ESG ในทุกมิติ |