CENTEL ประกาศปี 69 คาดรายได้ธุรกิจโรงแรม และ อาหาร เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบจากปี 68 หลังรับรู้รายได้โรงแรมที่ปิดปรับปรุงเข้ามาเต็มปี พร้อมวางงบลงทุนไว้ที่ 6,200-6,700 ล้านบาท ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/68 จะดีที่สุดของปี นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และ รองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่า บริษัทฯ คาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรม ปี 2569 จะเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบจากปี 2568 โดยจะรับรู้รายได้เต็มปี จากโรงแรมที่มีการปรับปรุง เช่น โรงแรม เซ็นทารา กะรน วิลล่า , โรงแรม เซ็นทาราแกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์ , โรงแรม เซ็นทารา ไลฟ์ โอซาก้า และ การรับรู้รายได้บางส่วน จาก โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน และ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลล่า กระบี่ ในขณะที่ธุรกิจอาหาร คาดรายได้รวม ปี 2569 จะเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบจากปี 68 ซึ่งมาจากร้านอาหารที่เป็นกิจการร่วมค้าเป็นหลัก และ สาขาในแบรนด์ โดยเฉพาะญี่ปุ่น สำหรับปี 2568 รายได้รวมจากธุรกิจโรงแรมและอาหาร(รวมร่วมทุน) จะอยู่ที่ 30,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 13,200 ล้านบาท โดยคาดการณ์อัตราการเข้าพักเฉลี่ย(Occupancy Rate) อยู่ที่ 70-73% และ รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย(RevPAR) อยู่ที่ 42300 - 4,500 บาท ส่วนธุรกิจอาหาร อยู่ที่ 17,200 ล้านบาท โดยอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม(Same-Store-Sales : SSS) อยู่ที่ 1-2% , อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales : TSS) อยู่ที่ 8-9% สำหรับการขยายสาขาคาดว่าจำนวนสาขาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4% โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาในแบรนด์ที่มีอัตราทำกำไรสูงเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาท้งัสิ้น 1,414 สาขา (รวมแบรนดร่วมทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ) 
ทางด้านงบลงทุนปี 2568 วางไว้ที่ 5,500-6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 4,500 ล้านบาท และ ธุรกิจอาหาร 1,000-1,500 ล้านบาท ส่วนปี 2569 วางงบลงทุนไว้ที่ 6,200-6,700 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 5,200 ล้านบาท และ ธุรกิจอาหาร 1,000-1,500 ล้านบาท และ ปี 2570 วางงบลงทุนไว้ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ หรือ กู้ยืมจากสถาบันการเงิน ในช่วงเดือนมิ.ย. 69 และ พ.ย. 69 เพื่อเป็นตามแผนการลงทุน และ การไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนด จากที่ต้นเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการออกหุ้นกู้ไป 1,300 ล้านบาท ซึ่งการใช้เครื่องมือทางการเงินจะพิจารณาจากสภาวะตลาด และ ทิศทางดอกเบี้ยในขณะนั้น เพื่อทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม "แนวโน้มไตรมาส 4/68 ในส่วนของโรงแรมปรับตัวดีขึ้นในเดือนต.ค. ทั้งในแง่ Occupancy Rate และ RevPAR และ ในเดือนพ.ย. ก็ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า จะดีต่อเนื่องไปถึงเดือน ม.ค. และ ก.พ. ส่วนอาหาร แม้ว่าเดือนต.ค. จะได้รับผลกระทบจากคนละครึ่ง พลัส ไปบ้าง แต่ในเดือนพ.ย. เห็นตัวเลขกลับมาเติบโตดีขึ้น โดยธุรกิจอาหาร ไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ตัวเลขเติบโตสูงสุดของปี"นายกันย์ กล่าว |