( - ) Bank (Overweight) สินเชื่อ ต.ค. 25 ลดลง -0.8% MoM จากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก สินเชื่อเดือน ต.ค. 25 ลดลง -0.8% MoM จากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก ภาพรวมสินเชื่อเดือน ต.ค. 25 ทั้ง 7 ธนาคารที่เรา cover อยู่ที่ 10.36 ล้านล้านบาท ลดลง -0.8% MoM จากสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก โดยธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากที่สุดคือ KTB ลดลง -2.6% MoM จากสินเชื่อภาครัฐที่ลดลงเป็นหลัก และสินเชื่อรายใหญ่ที่มีการชำระคืนเล็กน้อย ขณะที่สินเชื่อรายย่อยและ SME เพิ่มขึ้นเล็กน้อย รองลงมาเป็น KKP ลดลง -1.2% MoM จากทุกสินเชื่อที่ลดลงจากการชำระคืน โดยเฉพาะสินเชื่อ SME ที่ลดลงเยอะสุด ขณะที่ธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ TISCO เพิ่มขึ้น +1.0% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่ในกลุ่ม Energy และสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตได้ทุก segment รองลงมาเป็น BBL เพิ่มขึ้น +0.5% MoM จากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก ส่วนภาพรวมของเงินฝากเดือน ต.ค. 25 อยู่ที่ 12.65 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.8% MoM โดยธนาคารที่เงินฝากเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ KTB เพิ่มขึ้น +4.4% MoM จาก CASA ของภาครัฐ ส่วนเงินฝากที่ลดลงมากที่สุดคือ KKP ลดลง -2.0% MoM จากเงินฝากประจำที่ลดลงเป็นหลัก (ที่มา: ข้อมูลบริษัท) DAOL: มองเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มธนาคาร เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อสินเชื่อในเดือน ต.ค. 25 ที่ลดลงต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอตัวลงที่ -0.8% MoM จากเดือน ก.ย. 25 ที่ลดลง -1.0% MoM โดยการลดลงส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อภาครัฐ ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นได้แล้ว ส่วนสินเชื่อรายย่อยก็ยังเพิ่มขึ้นได้ดี ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ผลตอบแทนสูงอย่างบ้านแลกเงิน, สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มมีการฟื้นตัวได้จากการแข่งขันที่รุนแรงน้อยลงทำให้เริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่เราคาดว่าสินเชื่อรายใหญ่จะมี Momentum ที่เพิ่มขึ้นได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 25 ตามฤดูกาล (เดือน พ.ย.-ธ.ค. 24 สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นได้ +0.6-1.0% MoM) รวมถึงงบประมาณภาครัฐมีการอนุมัติเพิ่มเติมจะส่งผลให้มีสินเชื่อภาครัฐกลับมาเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้เรายังคงประมาณการสินเชื่อรวมทั้งปี 2025E ของกลุ่มไว้ที่ -1.5% YoY (10M25 อยู่ที่ -4.3% YTD) ด้าน NPL เราคาดว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ เราเชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะแต่ละธนาคารมีการตั้งสำรองฯจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีการทยอยขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาด NPL ในปี 2025E จะอยู่ที่ 3.24% จาก 3.05% ในปี 2024 ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก KTB, SCB เป็น Top pick เราให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.72x PBV (-1.00SD below 10-yr average PBV) และระดับ Dividend yield ของกลุ่มที่อยู่สูงถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยเรายังคงเลือก KTB (ซื้อ/เป้า 30.00 บาท), SCB (ซื้อ/เป้า 150.00 บาท) เป็น Top pick ขณะที่ TISCO และ BBL จะได้รับ sentiment เชิงบวกจากสินเชื่อที่กลับมาเพิ่มขึ้นได้ดี - KTB ราคาเป้าหมายที่ 30.00 บาท อิง 2026E PBV ที่ 0.85x (-0.25SD below 10-yr average PBV) จากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตได้ดี ประกอบกับมี Asset Quality ที่แข็งแกร่งจากการเน้นปล่อยสินเชื่อภาครัฐ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ รวมถึง KTB มี Dividend yield สูงราว 7% นอกจากนี้ยังมี Coverage ratio ที่ยังอยู่ในระดับสูงถึง 207% ด้าน valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับต่ำเพียง PBV ที่ 0.83x (-0.25SD below 10-yr average PBV) - SCB ราคาเป้าหมายที่ 150.00 บาท อิง 2026E PBV ที่ 1.00x (-0.75SD below 10-yr average PBV) จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2025E ที่เติบโตได้โดดเด่น และมีเงินปันผลที่สูงที่สุดในกลุ่มที่ราว 8% ประกอบกับแนวโน้ม NPL มีการปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน |