*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 59.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.32% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.27% ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในวันจันทร์ หลังเกิดเหตุยูเครนใช้โดรนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่อยู่ในกลุ่มกองเรือเงาของรัสเซีย รวมถึงการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการปิดน่านฟ้าเวเนซุเอลา และการที่กลุ่มโอเปก มีมติคงระดับการผลิตในไตรมาส 1 ปี 2026 *** สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ประกาศบรรลุข้อตกลง เพื่อให้สินค้าเวชภัณฑ์และเทคโนโลยีการแพทย์จากอังกฤษ ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้า โดยมีเงื่อนไขว่าอังกฤษ ต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านยาและปรับระบบการประเมินมูลค่ายาใหม่ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อังกฤษจะเพิ่มราคาสุทธิที่จ่ายสำหรับยาจากสหรัฐ 25% โดยแลกกับการที่ยา วัตถุดิบสำหรับผลิตยา และเทคโนโลยีการแพทย์ที่ผลิตในสหราชอาณาจักร จะได้รับการยกเว้นภาษีภายใต้มาตรา 232 สำหรับภาคอุตสาหกรรมเฉพาะ รวมถึงภาษีตามมาตรา 301 ที่อาจถูกนำมาใช้ในอนาคต *** ฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ยืนยันว่า อัตราภาษีนำเข้าทั่วไปสำหรับสินค้าจากเกาหลีใต้ รวมถึงรถยนต์จะลดลงเหลือ 15% และมีผลย้อนหลังถึงวันที่ 1 พ.ย. เนื่องจากเกาหลีใต้ ได้เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการตามคำมั่นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในสหรัฐฯ โดยลัทนิคระบุในแถลงการณ์ว่า การปรับลดภาษีครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ตามข้อตกลงทางการค้ากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “เพื่อตอบสนอง สหรัฐฯจะลดภาษีบางรายการภายใต้ข้อตกลงนี้ รวมถึงภาษีนำเข้ารถยนต์ลงเหลือ 15% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นอกจากนี้ยังยกเลิกภาษีชิ้นส่วนเครื่องบินและจะปลดล็อกอัตราภาษีตอบโต้ซ้ำซ้อนของเกาหลีใต้ให้สอดคล้องกับญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป” *** ภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันในเดือน พ.ย. โดยโรงงานยังเผชิญคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่ผลกระทบจากภาษีนำเข้า ยังคงถ่วงกิจกรรมภาคการผลิตอย่างต่อเนื่อง ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (Institute for Supply Management – ISM) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ลดลงสู่ระดับ 48.2 ในเดือนพ.ย. จาก 48.7 ในเดือนต.ค. โดยระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้การหดตัวของภาคการผลิต ซึ่งมีสัดส่วน 10.1% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยผู้ผลิตบางรายในอุตสาหกรรมอุปกรณ์ขนส่ง ให้เหตุการปลดพนักงานว่าเชื่อมโยงกับมาตรการจัดเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ *** นักกลยุทธ์จากแบงก์ออฟอเมริการะบุว่า ดัชนี S&P 500 กำลังก้าวเข้าสู่เดือน ธ.ค. ด้วยสัญญาณเชิงเทคนิคที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนแนวโน้มแรงซื้อปลายปี โดยภาพรวมของตลาดดีขึ้นชัดเจนในช่วงปลายเดือนพ.ย. หลังเส้น Advance-Decline ของตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวทะลุแนวต้านขึ้นมา พร้อมกับที่สัดส่วนหุ้นในดัชนีที่สามารถยืนเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน และ 200 วัน เพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนหุ้นที่ทำจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ลดลง แม้ว่าดัชนีโดยรวมจะมีการย่อตัวก็ตาม โดยดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวในสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า หลังปรับฐานลงเกือบ 6% จากระดับสูงสุดของปี *** BofA Global Research คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังข้อมูลตลาดแรงงานอ่อนแอและสัญญาณจากเจ้าหน้าที่เฟดบางราย ที่บ่งชี้ถึงโอกาสปรับลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยก่อนหน้านี้ BofA คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนดังกล่าว แต่ปัจจุบันได้ปรับเพิ่มมุมมองว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งในปี 2026 ช่วงเดือนมิ.ย. และ ก.ค. ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสุดท้าย อยู่ที่ช่วง 3.00%–3.25% *** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า รู้แล้วว่าจะเลือกใครเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนต่อไป แต่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ แม้ตลาดคาดการณ์ล่วงหน้าจะเทน้ำหนักไปในทิศทางเดียวกัน โดยคาดว่า คำตอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร จะคลี่คลายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่สิ่งที่ไม่แน่นอนยิ่งกว่าคือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ผู้นำเฟดคนใหม่จะต้องเผชิญ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตัวเต็งคือ เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ (NEC) หลังประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า “ผมรู้ว่าผมจะเลือกใคร ใช่ เราจะประกาศออกมา” *** ข้อมูลของ Adobe Analytics ระบุว่า ผู้บริโภคในสหรัฐจับจ่าย 9,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งเป็นการปิดฉากช่วงสุดสัปดาห์แบล็กฟรายเดย์ที่แข็งแกร่ง โดยมีกลุ่มผู้มีรายได้สูงใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ครัวเรือนรายได้น้อยเน้นซื้อสินค้าลดราคา โดย Adobe ระบุว่าการใช้จ่ายออนไลน์เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมคาดว่าการใช้จ่ายออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 13,900 ล้าน – 14,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นวัน ด้าน Salesforce รายงานว่า ผู้บริโภคใช้เงิน 17,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันไซเบอร์มันเดย์ 
*** การเข้มงวดมาตรการควบคุมการส่งออกของจีนกำลังกดดันให้บริษัทยุโรปเร่งมองหาศักยภาพห่วงโซ่อุปทานใหม่ ๆ นอกจีน ท่ามกลางความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยหอการค้าสหภาพยุโรปประจำประเทศจีนระบุว่า 1 ใน 3 ของบริษัทสมาชิก กำลังวางแผนย้ายแหล่งจัดหาสินค้าออกจากจีน เนื่องจากกฎควบคุมการส่งออกของจีน ขณะที่ 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า กระทรวงพาณิชย์จีนดำเนินการอนุมัติใบอนุญาตส่งออกล่าช้ากว่าที่ให้คำมั่นไว้ *** China Vanke ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังประสบปัญหาและสร้างความประหลาดใจต่อตลาดเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยการขอเลื่อนการชำระพันธบัตรท้องถิ่นโดยไม่ระบุกำหนด ล่าสุด ได้ยื่นข้อเสนอให้ผู้ถือพันธบัตรรอการชำระเงินต้นครบถ้วนเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากบริษัทกำลังเผชิญแรงกดดันด้านสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสัญญาณการสนับสนุนจากภาครัฐที่อ่อนแรงลง บริษัทได้แจ้งต่อเจ้าหนี้ว่า ต้องการเลื่อนการชำระเงินต้นของพันธบัตรมูลค่า 2,000 ล้านหยวน (283 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่มีกำหนดครบอายุเดิมในวันที่ 15 ธ.ค. พร้อมดอกเบี้ย โดยขอขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี ซึ่งตลอดช่วงขยายเวลา อัตราดอกเบี้ยคูปอง 3% จะยังคงเดิม *** Nvidia ประกาศลงทุนมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Synopsys ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ออกแบบชิป ภายใต้กรอบความร่วมมือที่ขยายเพิ่มเป็นแบบหลายปี เพื่อร่วมกันพัฒนาเครื่องมือออกแบบผลิตภัณฑ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Nvidia เป็นแกนหลัก โดยข้อตกลงครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การลงทุนต่อเนื่องของ Nvidia ในบริษัทสำคัญด้าน AI อาทิ OpenAI และ Anthropic เพื่อเสริมความเป็นผู้นำในตลาดปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก *** มาซาโยชิ ซัน ผู้ก่อตั้ง SoftBank เปิดเผยว่า หากซอฟต์แบงก์มีเงินทุนเหลือเฟือ เขาจะไม่มีวันขายหุ้น Nvidia ออกไปจนหมด โดยย้ำว่าต้องการนำเงินไปสนับสนุนการลงทุนครั้งใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์ที่รวมถึง OpenAI ด้วย นับเป็นครั้งแรกที่ซัน ออกมาพูดถึงการขายหุ้นทั้งหมดใน Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน พร้อมปฏิเสธกระแสที่มองว่าการลงทุนด้าน AI กำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ โดยอธิบายว่า บริษัทจำเป็นต้องระดมทุนเพื่อใช้ในโครงการสำคัญ เช่น การสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ *** Amazon และ Google เปิดเผยว่า ได้ร่วมกันพัฒนาบริการเครือข่ายมัลติคลาวด์ (Multi-cloud networking) รูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเชื่อมต่อ ที่มีความเสถียรและเชื่อถือได้มากขึ้น โดยโครงการความร่วมมือนี้ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อระบบคลาวด์ของทั้ง 2 บริษัท ผ่านลิงก์ส่วนตัวความเร็วสูงได้ภายในไม่กี่นาที จากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการตั้งค่าระบบ บริการใหม่นี้ เปิดตัวหลังเกิดเหตุการณ์ระบบล่มของ Amazon Web Services เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ซึ่งส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ทั่วโลกหลายพันแห่ง และทำให้แอปยอดนิยมอย่าง Snapchat และ Reddit ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว โดยคาดว่าความเสียหายครั้งดังกล่าว ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ระหว่าง 500–650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ *** ยอดจดทะเบียนรถยนต์ Tesla ในหลายตลาดสำคัญของยุโรป ดิ่งลงอย่างมากในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ ยังคงเผชิญแรงกดดันในการหยุดยั้งการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด แม้จะเปิดตัวรุ่นปรับปรุงของ Model Y ซึ่งเป็นรุ่นขายดีของแบรนด์แล้วก็ตาม ยอดจดทะเบียนรายเดือน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดยอดขาย ลดลงอย่างมากในหลายประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศสลดลง 58% เหลือ 1,593 คัน, สวีเดนลดลง 59% เหลือ 1,466 คัน, เดนมาร์กลดลง 49% เหลือ 534 คัน, เนเธอร์แลนด์ลดลง 44% เหลือ 1,627 คัน, โปรตุเกสลดลง 47% เหลือ 425 คัน และสเปนลดลง 9% เหลือ 1,523 คัน โดยส่วนแบ่งตลาดรวมของ Tesla ในยุโรปปรับลดลงเหลือ 1.6% ในช่วง ม.ค.–ต.ค. จาก 2.4% ในปีก่อน ตอกย้ำทิศทางขาลงของแบรนด์ ซึ่ง Model Y เคยครองตำแหน่งรถรุ่นขายดีที่สุดของยุโรปและของโลกในปี 2023 *** ยอดขายของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งที่เปิดตัวรุ่นยอดนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทส่งมอบรถยนต์ได้ 480,186 คันในเดือนพ.ย. ลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แรงลดลงครั้งนี้ น่าจับตาเป็นพิเศษ เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่ควรเป็นฤดูกาลขายดี เนื่องจากผู้บริโภคมักเร่งซื้อรถในไตรมาสสุดท้าย ก่อนที่มาตรการยกเว้นภาษีรถพลังงานใหม่แบบเต็มจำนวนของรัฐบาลจีน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. *** บรรดาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนหลายราย กำลังเห็นยอดขายเร่งตัวในช่วงปลายปี เนื่องจากผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อรถก่อนที่มาตรการยกเว้นภาษีสำหรับรถพลังงานใหม่จะสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2025 โดย Geely Auto มียอดขายเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน ขณะที่ Leapmotor ทำยอดขายทะลุ 70,000 คันและแตะเป้าหมายประจำปีได้เร็วกว่ากำหนด 1 เดือน ขณะที่ค่ายน้องใหม่อย่าง Xiaomi ส่งมอบรถได้มากกว่า 40,000 คัน ส่วนยอดขายของ Nio เพิ่มขึ้น 76% และ Xpeng ก็มองเห็นการเติบโตเช่นกัน จีน เตรียมยุติมาตรการยกเว้นภาษีรถยนต์พลังงานใหม่แบบเต็มจำนวนในช่วงปลายเดือน ธ.ค. โดยตั้งแต่ปีหน้า สิทธิดังกล่าวจะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง *** การผลิตภาคอุตสาหกรรมอินเดียในต.ค. ขยายตัวเพียง 0.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน สะท้อนถึงการชะลอตัวอย่างมากของเศรษฐกิจ โดยดัชนีการผลิตอุตสาหกรรม (IIP) ต่ำกว่าการเติบโต 4% ในเดือนก.ย. ขณะที่การบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคหลัก หลังการปรับลดภาษีสินค้าและบริการ (GST) ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. กระทรวงสถิติและการวางแผนอินเดียระบุว่า การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว อาจเกิดจากจำนวนวันทำงานที่ลดลง เนื่องจากมีเทศกาลหลายช่วงเวลา ส่งผลให้การผลิตโดยรวมได้รับผลกระทบ ถือเป็นการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2024 ด้านการผลิตในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัวเพียง 1.8% ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 4.8% ในเดือนก่อน ขณะที่กิจกรรมการทำเหมืองแร่และการผลิตไฟฟ้าหดตัว 1.8% และ 6.9% ตามลำดับ *** อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากราคาสินค้าอาหารและบริการที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยหนุนเหตุผลให้ธนาคารกลางเกาหลี (BOK) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ BOK เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรและประมงเพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อน โดยเฉพาะราคาผักผลไม้สดที่พุ่งสูง เช่น ข้าวเพิ่มขึ้น 18.6% และส้มแมนดารินเพิ่มขึ้น 26.5% ธนาคารกลางเกาหลีใต้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากค่าเงินวอนที่อ่อนค่าอย่างหนัก เป็นอุปสรรคที่จำกัดการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม และบ่งชี้ว่าอาจใกล้สิ้นสุดรอบการลดดอกเบี้ยในปัจจุบัน 
|