FETCO มอง SET ปลายปีมีลุ้นบวก ลุ้นเฟดจ่อหั่นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. - มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมองเป้าปลายปี 1,300 จุด ก่อนปี 69 มุ่งสู่ 1,415 จุด ฟากดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน ต.ค.ยังอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” แต่ห่วงกลุ่ม IPO ราคาต่ำจองเพียบ เชื่อเหตุจากการตั้งราคาไม่เหมาะสม ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 68 จากแรงหนุนของแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจสร้างแรงกระตุ้นให้กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะเดียวกัน หากภาครัฐสามารถเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและหนุนตลาดทุนให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ FETCO ประมาณการว่า ดัชนี SET สิ้นปี 68 มีแนวโน้มแตะระดับ 1,300 จุด และอาจขยับขึ้นสู่ 1,415 จุดในปลายปี 69 ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจภายในประเทศได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ และการเมืองเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งได้อย่างราบรื่น สำหรับผลสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI)” เดือนตุลาคม 2568 พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้ายังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ที่ระดับ 135.73 โดยนักลงทุนให้เหตุผลสำคัญว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหลักในการหนุนความเชื่อมั่น รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และนโยบายการเงินของเฟด ขณะที่ปัจจัยลบที่นักลงทุนกังวลมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน สถานการณ์การเมืองในประเทศ และความผันผวนของค่าเงินบาท หมวดธุรกิจที่นักลงทุนมองว่าน่าสนใจที่สุดในรอบนี้คือ “หมวดพาณิชย์ (COMM)” ส่วนหมวดที่ไม่น่าสนใจที่สุดคือ “หมวดแฟชั่น (FASHION)” โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ดัชนี SET ปรับตัวทะลุระดับ 1,300 จุด ปิดที่ 1,309.50 เพิ่มขึ้น 2.77% จากเดือนก่อนหน้า จากแรงหนุนของผลประกอบการกลุ่มธนาคารและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัส และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว แม้ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะยุโรปที่ยังซบเซา “ตลาดทุนไทยจำเป็นต้องเร่งหาบริษัทใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจเทคโนโลยีเข้ามาจดทะเบียน เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ให้ตลาดหุ้นไทยในระยะยาว” 
สำหรับ ภาวะตลาด IPO ในปัจจุบัน ทาง FETCO ยอมรับว่าน่าหนักใจ เนื่องจากราคาหุ้นหลายตัวที่เข้าซื้อขายต่ำกว่าราคาจองซื้อ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน โดยส่วนหนึ่งมาจากการตั้งราคาขายที่สูงเกินไป ซึ่งหากกำหนดราคา IPO แพงเกินจริงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นและทำลายโอกาสของผู้จองซื้อหุ้นได้ ที่ผ่านมาราคาจอง IPO มักมีส่วนลด (Discount) เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเบื้องต้น แต่เมื่อการตั้งราคาเกินจริง กลับทำให้ตลาด IPO ขาดความน่าสนใจ จึงควรทบทวนแนวทางการกำหนดราคาใหม่ พร้อมขอให้ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) จัดทำประมาณการมูลค่าหุ้นให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบริษัท นอกจากนี้ FETCO ยังได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับหุ้นที่เปิดซื้อขายแล้วให้ผลตอบแทนต่ำกว่าคาด ซึ่ง FETCO จะนำข้อกังวลเหล่านี้เข้าสู่การหารือภายในสมาคม เพื่อหามาตรการปรับปรุงคุณภาพของหุ้นที่เข้าจดทะเบียนในอนาคต สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ การดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและธุรกิจแห่งอนาคตเข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุนไทยมากขึ้น แทนที่บริษัททั่วไปซึ่งมีรูปแบบธุรกิจแบบเดิม ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและศักยภาพการเติบโตของตลาด อีกหนึ่งปัญหาที่น่ากังวล คือ แนวโน้มที่หลายบริษัทเลือกไม่เสนอขาย IPO ในประเทศไทย โดยหันไปจดทะเบียนในต่างประเทศแทน เนื่องจากมองว่าตลาดทุนไทยไม่สามารถให้มูลค่าหรือราคาที่เหมาะสม ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง จะทำให้จำนวน IPO ในไทยลดลงต่อเนื่อง หากบริษัทมองว่าเข้าตลาดแล้วไม่ได้ราคา ย่อมเลือกไปตลาดอื่น หรือเลื่อนแผนออกไปก่อน ดังนั้น ถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปตลาดทุนไทยอย่างจริงจัง เพื่อสร้างระบบที่แข็งแรงและดึงดูดผู้เล่นใหม่ ๆ เข้ามา 
|