4 สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา ลูกค้าและประชาชน ผู้ประสบภัยอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระ เพื่อผ่านพื้นสถานการณ์โดยเร็ว ธอส. ออก 7 มาตรการช่วยเหลือ นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัย ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน การดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ ของลูกค้าและประชาชนเป็นอย่างมาก ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้จัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลลกระทบในพื้นที่ดังกล่าว ผ่าน “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2568” โดยมีรายละเอียด ดังนี้ มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 - 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป และลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม- แต่ง Plus วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 5 ปี โดยวงเงิน 1 แสนบาทแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 - 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด, อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 - 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (2.945% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (3.845% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.245% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาทต่อเดือนเท่านั้น ฟรีค่าธรรมเนียมประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วย]ดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้ มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้ มาตรการที่ 5 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี) มาตรการที่ 6 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี) มาตรการที่ 7 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกราย อย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครอง ภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์) ลูกค้าสามารถติดต่อเพื่อยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขา ธอส. ตั้งแต่บัดนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ G H Bank Social Media และ www.ghbank.co.th 
EXIM BANK ออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาทั้งทางตรง-ทางอ้อม นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้ของไทย ทั้งในส่วนของวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว โดยเพิ่มวงเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นชั่วคราวสูงสุด 20% ของวงเงินเดิม เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระเงินกู้ระยะสั้นได้นานสูงสุด 3 ปี และระยะยาวสูงสุด 7 ปี ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว และพักชำระหนี้เงินต้นนานสูงสุด 1 ปี เพื่อให้ลูกค้าของ EXIM BANK สามารถดำเนินธุรกิจส่งออกหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกตลอดทั้ง Supply Chain ได้อย่างต่อเนื่อง มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น • ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม • เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว • ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี • ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก • พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 1 ปี “EXIM BANK ขอส่งความห่วงใยต่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยและผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้ามีสภาพคล่องหมุนเวียนหรือฟื้นฟูกิจการ สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง EXIM BANK พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเยียวยา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 หรือ Inbox Facebook ‘EXIM Bank of Thailand’” SME D Bank ให้สิทธิ์พักหนี้และเติมทุนฉุกเฉิน ฟื้นฟูธุรกิจกลับมาเดินหน้าได้โดยเร็ว นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ และหลายพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่อย่างมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม
SME D Bank มีความห่วงใยลูกค้าและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง จึงออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ตามรายงานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ จ.นครศรีธรรมราช จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สตูล จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา รวมถึง จังหวัดอื่นๆ ตามที่จะได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในอนาคต ให้ลดภาระค่าใช้จ่าย และสามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ในเร็ววัน ได้แก่ มาตรการ "พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย" สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้ มาตรการ "เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ" สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท ถึงสูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน อีกทั้ง ธนาคารยังมีสินเชื่อช่วยเติมทุนเพิ่มเติม สำหรับเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ยกระดับธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ได้แก่ 1.สินเชื่อ "SME Green Productivity" 2.สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME" และ 3.สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME" นอกจากนั้น ธนาคารยังดำเนินกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการจัดเตรียมและส่งมอบ "ถุงน้ำใจ" จำนวน 300 ถุง ที่บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน นำไปมอบเป็นกำลังใจ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทางภาคใต้ ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนครั้งนี้เป็นทางเลือกโดยสมัครใจ ผู้ประกอบการที่ต้องการรับบริการ แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สาขา SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ , LINE Official Account : SME Development Bank , เว็บไซต์ www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 ธ.ก.ส. เร่งช่วยเหลือ-ออกสินเชื่อฉุกเฉินดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน นายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ธ.ก.ส. ได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ดำเนินการจัดถุงยังชีพเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมส่งมอบน้ำดื่ม ธ.ก.ส. และจัดทำอาหารกล่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ประสบภัยร้ายแรงและสนับสนุนหน่วยบรรเทา สาธารณภัยในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น รวมถึงจัดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้า ผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้ลูกค้า วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ ประกอบด้วย 1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.625%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท 2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจาก ภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธ.ก.ส. จะดำเนินการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของลูกค้า ทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือและลดภาระหนี้สินต่อไป สำหรับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ผู้ประสบภัยสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ลูกค้าสังกัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  |