“เอกนิติ” ยืนยันเดินหน้าคนละครึ่งพลัสเฟส 2 แย้มอยู่ระหว่างออกแบบเกณฑ์-เงื่อนไข เบื้องต้นให้สิทธิกลุ่มตกหล่นก่อน พร้อมระบุยังต้องยึดวินัยการเงิน-การคลัง ด้านเศรษฐกิจไทย Q4/68 เชื่อโตเกิน 0.3% นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยืนยันว่า คนละครึ่งพลัสเฟส 2 มีอย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบทั้งหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข โดยอาจให้สิทธิสำหรับคนที่ตกหล่นก่อนที่ลงทะเบียนไม่ทัน เพื่อจะได้เข้ามามีสิทธิในส่วนดังกล่าว ขณะที่ร้านค้า อยู่ระหว่างพิจารณาการเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการ โดยมีแรงจูงใจให้เรียนหนังสือ เพิ่มทักษะต่างๆ ใช้ Ai ในการช่วยให้ขายของดีขึ้นอย่างไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ 
“ได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงโครงการคนละครึ่งพลัสแล้วว่า มีความคึกคักมาก และเฟส 2 อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ ซึ่งขอรับไปดูก่อน ซึ่งนายกฯ ก็มองเห็นว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก สำหรับงบประมาณนั้น จะต้องดูด้วยเช่นเดียวกัน โดยสิ่งที่ต้องพิจารณามีทั้งจำนวน สิทธิ งบประมาณ และวินัยทางการเงินและการคลังด้วย ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้ในช่วงเวลาที่กำหนดและเงินเหลือ จะนำส่วนดังกล่าวอาจจะไปใช้ในการเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการแทน”นายเอกนิติ กล่าว บรรยากาศการเปิดใช้โครงการคนละครึ่งพลัสในวันนี้วันแรก ที่ตลาดหลังกระทรวงการคลังว่า ดีใจที่เห็นร้านค้าขายของได้คึกคัก และประชาชนมาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งช่วยให้ประชาชนประหยัดได้ครึ่งหลัง สำหรับร้านค้ามีการตอบรับดี โดยมีบางร้านค้าเท่านั้นที่ยังไม่ได้เปิดเข้าโครงการคนละครึ่ง อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าได้ถึง 19 ธ.ค.นี้ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าเข้ามาลงทะเบียนประมาณ 640,000 ร้านค้า ซึ่งเป็นยอดเก่าที่มีการ Active ประมาณ แสนกว่าร้านค้า “ขอบคุณร้านค้าที่คึกคัก ขอบคุณประชาชน 20 ล้านสิทธิที่สนใจมาก ซึ่งทำให้เกิดความคึกคัก และตัวเลขล่าสุด 1 ชั่วโมงแรกมียอดขายประมาณ 35 ล้านบาท และล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. มียอดขายประมาณ 350 ล้านบาท ดังนั้นการที่ใช้ระบบดิจิทัลทำให้เห็นหมดเลยล่าสุดมียอดใช้จ่าย ข้อมูล ร้านค้าที่ได้ประโยชน์ซึ่งมีถึง 200,000 กว่าร้านค้าที่มีการใช้จ่ายแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา และประชาชนที่ใช้ประมาณ 1.6 ล้านคน และเชื่อว่า ผลการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีผลมากกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ดี หวังช่วยให้เศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่มในไตรมาส 4/2568 และอยากชวนร้านค้าต่างๆ อยากชวนให้ไปสมัคร”นายเอกนิติ กล่าว ล่าสุดได้คุยกับแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งในวันที่ 7 พ.ย.นี้ จะเปิดให้แพลตฟอร์มต่างๆ และเดลิเวอรี่ต่างๆ นำร้านค้าเข้าไปขายในออนไลน์ได้ด้วย ขณะเดียวกันจะมีการเปิดโครงการเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการร้านค้า เพื่อเพิ่มทักษะกลุ่มที่ไม่เคยขายออนไลน์ หรือเพิ่มทักษะขายสินค้าอย่างไรให้ปัง มีหลักสูตรสอนทำอย่างไรให้ต้นทุนถูกลง มีระบบบัญชีมาช่วยที่สามารถรวบรวมข้อมูลให้ร้านค้า และได้หารือกับธนาคารออมสิน ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนพ่อค้าตัวเล็กตัวน้อย กู้เงินผ่าน MyMo ซึ่งจะช่วยลดการกู้เงินนอกระบบได้ ***มั่นใจเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/68 โตกว่า 0.3% นายเอกนิติ กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดี เดิมคาดว่าจะติดหล่ม 0.3% แต่จากการดำเนินมาตรการต่างๆของภาครัฐมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตได้มากกว่า 0.3% อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันในวันที่ 29 ต.ค.นี้ ยังมีมาตรการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองได้เริ่มใช้แล้วเช่นเดียวกัน และสนับสนุนให้ทุกคนมาช่วยกันท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักได้ 1 เท่า ลดหย่อน 10,000 บาท แต่หากเป็นอิเล็กทรอนิกส์จะได้เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาท ขณะที่เมืองรองจะหักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า รวมลดหย่อนได้ 30,000 บาท ขณะที่ภาครัฐจากปกติจะเร่งเบิกงบประมาณในการสัมมนาในช่วงไตรมาสสุดท้าย หรือ ช่วงก.ย. ของปีงบประมาณ มาให้ใช้จ่ายเร็วขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจคึกคัก ขณะที่โรงแรม ร้านค้า ที่พัก หากอยากปรับปรุงกิจการให้หักค่าใช้จ่ายได้ด้วย 2 เท่า ***นายกฯ มอบหมาย “เอกนิติ” นั่งคณะอนุกรรการตรวจเส้นเงินเทา ด้านการตั้งคณะกรรมการตรวจเงินสีเทาว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุดซึ่งให้ตนเป็นประธาน ซึ่งต้องรอให้นายกรัฐมนตรีกลับมาก่อน โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้มีหน้าที่เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยหัวใจสำคัญคือไม่ใช่แค่ระยะสั้น แต่ต้องการยกระดับมาตรฐานของเงินต่างๆที่เอามาใช้ เนื่องจากวันนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลในเรื่องเงินที่ไม่ถูกต้อง ทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) , DSI , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตง.) ซึ่งจะมีผบ.ตร. มีรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เป็นรองประธาน โดยวันนี้จะเชื่อมจุดในการตรวจสอบเงินเทาแต่ละจุด “เรื่องนี้ต้องใช้ทุกหน่วยงาน มายกระดับมาตรฐานให้ทัดเทียมสากล อย่างคริปโตฯ ที่ตรวจยาก การทำ Connect the dot ก็เพราะแบบนี้ ต้องเอาทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ก็มีทั้งแบงก์ชาติ มีทั้งส่วนต่างๆ ด้วย จึงต้องร่วมมือกัน เชื่อมโยงกันทั้งหมด โดยตั้งใจว่าเรื่องนี้ อย่างน้อยในเดือน ธ.ค.นี้ จะต้องเห็นเส้นทางรอยรั่ว อยู่ตรงไหน กันอย่างไร มีความมุ่งมั่นที่ไม่ใช่ทำสั้น แต่ยกระดับให้เป็นมาตรฐาน”นายเอกนิติ กล่าว ส่วนการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ว่า ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะยุทธศาสตร์การเจรจา ซึ่งได้มีโอกาสหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ทางช่องทางออนไลน์ 1 ครั้ง ซึ่งได้หารือถึงกรอบที่ได้ลงนามในอาเซียน ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คในการเจรจาโดยต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งที่ได้ตกลงกันเป็นเพียงกรอบเท่านั้น รายละเอียดสินค้าไหน จะโดนเท่าไหร่ สินค้าไหนได้รับการยกเว้น ได้หารือแล้ว และมีเอกสารแนบแล้วว่า อาจมีการลดหย่อนในสินค้าบางชนิด ซึ่งต้องร่วมกับเอกชน และกระทรวงพาณิชย์ “อะไรที่ต้องเปิดก็ต้องดู ถ้าประเทศไทยไม่ได้มีสินค้านั้นอยู่แล้ว เช่น รถยนต์ พวงมาลัยคนละข้าง ก็ไม่เห็นน่ากลัว ดังนั้น เรื่องนี้สิ่งต่างๆที่เปิดได้ และรมว.พาณิชย์ระบุว่า ไทยมี FTA อยู่หลาย FTA มาก สิ่งเหล่านี้เอามาเป็นมาตรฐานในการเจรจาได้ โดยกรอบการเจรจามีข้อดี คือ จะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส สิ่งที่ได้เจรจามาแล้ว มีการยกเลิกในเรื่องรางวัลนำจำ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในเฟรมเวิร์ค ที่สหรัฐฯ มองว่า อาจเป็นต้นทุนและอุปสรรคการค้าด้วย ซึ่งต้องกลับมาพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างไร”นายเอกนิติ กล่าว *** ชี้ ธปท. มีมาตรการดูแลการแทรกแซงค่าเงินอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายจะไม่ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมุ่งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งเรื่องนี้ ธปท.จะมี statement เรื่องกลไกการดูแลค่าเงินออกมา และ ปกติหน้าที่ของธปท. หรือ ธนาคารกลาง ต้องรักษาเสถียรภาพของราคา และค่าเงินอยู่แล้ว 
|