*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ปิดที่ 59.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.5% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 63.38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.2% ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ากดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย เพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี *** สก็อตต์ รับบ์เนอร์ จาก Citadel Securities ระบุว่า การปรับฐานล่าสุดของดัชนี S&P 500 ถือเป็นการย่อตัวในระดับที่ดีที่เปิดทางให้ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยแรงหนุนจากการจัดพอร์ตและปัจจัยตามฤดูกาลมีแนวโน้มผลักดันตลาดให้พุ่งต่อจนถึงสิ้นปี รับบ์เนอร์ชี้ถึงปัจจัยเชิงบวกหลายประการ ทั้งแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยที่ยังคงแข็งแกร่ง การที่นักลงทุนสถาบันลดการถือครองหุ้นสหรัฐฯ ก่อนช่วงวันหยุด Thanksgiving ซึ่งเปิดพื้นที่ให้เข้าซื้อกลับได้ในตอนนี้ รวมถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ซึ่งจะกระตุ้นให้นักลงทุนในตลาดเร่งปิดสถานะป้องกันความเสี่ยงและกลับเข้ามาเพิ่มน้ำหนักหุ้นในพอร์ตช่วงปลายปี พร้อมประเมินว่าดัชนี S&P 500 มีโอกาสขึ้นแตะระดับ 7,000 จุดภายในสิ้นปี ซึ่งเทียบเท่าการเพิ่มขึ้นราว 5.4% จากระดับปิดเมื่อวันพุธ *** การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด หลังหดตัวในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ตอกย้ำความเปราะบางในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยรายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ซึ่งล่าช้าเพราะการปิดทำการของรัฐบาลกลาง เปิดเผยว่า แม้จำนวนผู้จ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่ก็มีชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นที่ตกงาน ทำให้อัตราว่างงานขยับขึ้นด้วย *** จำนวนเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุดไมเคิล บาร์ ผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าอย่างระมัดระวังในการพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระบุว่า “ผมกังวลที่เราเห็นเงินเฟ้อยังอยู่ราว 3% ขณะที่เป้าหมายของเราอยู่ที่ 2% และเรามุ่งมั่นที่จะกลับไปสู่ระดับเป้าหมาย 2% ดังนั้นเราจำเป็นต้องระวังและรอบคอบเกี่ยวกับนโยบายการเงิน เพื่อให้บรรลุทั้ง 2 ด้านของพันธกิจของเฟด” นักลงทุนประเมินความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. อยู่ที่ประมาณ 40% *** จีน ปฏิเสธคำกล่าวของญี่ปุ่น ที่อ้างว่านโยบายต่อไต้หวันของญี่ปุ่นยังคงเดิม พร้อมย้ำจุดยืนให้ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถอนคำให้สัมภาษณ์ หลังความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศยังไม่มีท่าทีคลี่คลาย โดยเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า “แค่บอกว่านโยบายไม่เปลี่ยน ก็ไม่สามารถทำให้จีนคลายความกังวลได้” คำแถลงดังกล่าว มีขึ้นหลังนักการทูตอาวุโสของญี่ปุ่น เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยยืนยันว่าท่าทีของญี่ปุ่นต่อไต้หวันไม่เปลี่ยน แม้ทาคาอิจิจะให้สัมภาษณ์เชื่อมโยงประเด็นที่อ่อนไหวเรื่องช่องแคบไต้หวัน เข้ากับความเป็นไปได้ในการส่งทหารญี่ปุ่นก็ตาม ขณะที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ย้ำข้อความเดียวกัน พร้อมระบุว่ายังเปิดกว้างต่อการเจรจากับจีน ความตึงเครียดปะทุขึ้น หลังทาคาอิจิกลายเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกในรอบหลายทศวรรษ ที่ออกมาพูดเชื่อมโยงเรื่องไต้หวันกับการส่งทหารญี่ปุ่นเข้าร่วมปฏิบัติการ *** สหรัฐฯ แสดงจุดยืนสนับสนุนญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ในความขัดแย้งกับจีน หลังนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ กล่าวถึงสถานการณ์ไต้หวัน ซึ่งทำให้จีนเกิดความไม่พอใจ โดยจอร์จ กลาส เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น ระบุว่าบางส่วนของปฏิกิริยาจากจีนเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุ โดยกลาสกล่าวหลังพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น โทชิมิตสึ โมเตงิ ว่า “นี่เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการบีบคั้นทางเศรษฐกิจโดยจีน และผมขอยืนยันตรงนี้ในนามของประธานาธิบดี และของสถานทูตต่อท่านนายกรัฐมนตรีว่า สหรัฐฯ อยู่เคียงข้างญี่ปุ่น” *** อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และนักวิเคราะห์จีนระบุว่า จากกรณีความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นรอบล่าสุด ทางการจีน ไม่น่าจะงัดมาตรการควบคุมส่งออกแร่หายากมาใช้ หลังเคยนำมาใช้แล้วในอดีตเมื่อปี 2010 ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายากให้ญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้ญี่ปุ่นต้องเร่งหาทางเลือกอื่น สำหรับวัตถุดิบสำคัญที่จำเป็นต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน และจรวดปล่อยนำวิถี โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า เหตุผลสำคัญคือบริบทที่เปลี่ยนไป หากในอดีตจีนโจมตีเป้าหมายเฉพาะประเทศ แต่ในปัจจุบันโลกกลับพึ่งพาจีนอย่างลึกซึ้งทั้งด้านการทำเหมืองและการถลุงแร่หายาก ขณะที่จีนเอง ก็เพิ่งแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจในการใช้ความได้เปรียบเชิงทรัพยากรนี้กดดันประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก *** บริษัทลงทุนของจีน เข้าซื้อหุ้นก้อนใหญ่ของ ByteDance ที่มูลค่ากิจการสูงถึง 480,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าระดับประเมินล่าสุดอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ยังแข็งแกร่งของนักลงทุนต่อบริษัทแม่ของ TikTok โดย Venture Capital อย่าง Capital Today ชนะการประมูลเหนือผู้สนใจรายอื่น เพื่อเข้าซื้อหุ้นจาก Bank of China Group Investment Ltd. ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันรายแรก ๆ ของ ByteDance เดิมดีลนี้มีการตั้งราคาไว้ราว 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่า ByteDance ทั้งบริษัทประมาณ 3.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างกระบวนการประมูล โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลถึง 7 ราย ซึ่งนำโดยนักลงทุนชื่อดังแคธี ซวี่ ทุ่มเงินราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อคว้าหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่ากิจการ ByteDance ขยับขึ้นใกล้แตะระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ *** เจนเซน หวง ซีอีโอ Nvidia ระบุว่า ไม่เห็นสัญญาณของฟองสบู่ AI แต่กลับมองว่าโลกกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยน ที่เทคโนโลยีคอมพิวติ้งแบบที่ Nvidia เชี่ยวชาญจะเข้าไปอยู่ในทุกสิ่ง ตั้งแต่การเขียนโค้ดไปจนถึงการควบคุมหุ่นยนต์ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนที่ตั้งคำถามต่อการประเมินมูลค่าของตลาดกำลังเพิ่มจำนวนขึ้น โดยเตือนว่าหากอยู่บนจุดเปลี่ยน ก็อาจมีทางเดียวคือการปรับฐานลง *** Foxconn ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รับจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลก เตรียมทุ่มเงินลงทุนปีละ 2,000–3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยหยาง หลิว ประธานบริษัทระบุว่า เขาคาดเห็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่กำลังมีค่ายผู้ผลิตล้นตลาด และเปิดเผยว่า Foxconn อยู่ระหว่างหารือกับรัฐบาลญี่ปุ่น เกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในด้าน AI และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลิวระบุว่า “ในตอนนี้ การลงทุนส่วนใหญ่จะทุ่มไปที่ AI” โดยแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในช่วง 3–5 ปีข้างหน้า จะทำให้เม็ดเงินลงทุนด้านนี้คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของงบลงทุนรวมปีละราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ Foxconn 
*** Google เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขและสร้างภาพเวอร์ชันใหม่ล่าสุด เดินหน้าต่อยอดโมเมนตัมของบริษัท หลังจากเพิ่งเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Gemini รุ่นใหม่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ สร้างขึ้นบนฐานของ Gemini 3 Pro ซึ่งประกาศเปิดตัวเมื่อวันอังคาร และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาหุ้น Alphabet ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้น Alphabet ปรับขึ้น 4% ในวันพฤหัสบดี จอช วูดเวิร์ด รองประธาน Google Labs และทีม Gemini กล่าวว่า Nano Banana Pro มีความสามารถขยายตัวจากเวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค. *** ราคาประกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้อายุ 5 ปีของ Oracle พุ่งขึ้นถึง 3 เท่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แตะ 1.11 จุดเปอร์เซ็นต์ต่อปี ณ วันพุธ คิดเป็นประมาณ 111,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับความคุ้มครองทุก ๆ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกระแสความกังขาต่อ AI ดึงนักลงทุนเข้าสู่ตลาดนี้ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย CDS ของ Oracle พุ่งขึ้นแตะราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. จากเพียงกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน *** Walmart Inc. ปรับเพิ่มประมาณการยอดขายและกำไรทั้งปีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีงบประมาณ สะท้อนว่าผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงดึงดูดผู้บริโภคที่อ่อนไหวต่อราคาได้เป็นอย่างดี แม้ต้นทุนดำเนินงานจะสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดว่ายอดขายสุทธิจะเติบโต 4.8-5.1% สูงกว่าประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนส.ค. และเป็นการปรับเพิ่มตัวเลขแนวโน้มเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ *** สิงคโปร์ ประกาศปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2025 หลังตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขยายตัวดีกว่าคาดและสูงกว่าประมาณการเบื้องต้น โดยข้อมูลจากรัฐบาลระบุว่า GDP ไตรมาส 3 เติบโต 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เร่งขึ้นจากประมาณการเบื้องต้นที่ 2.9% เมื่อเดือนก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลของรอยเตอร์ที่ 4.0% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสแบบปรับปัจจัยฤดูกาล เศรษฐกิจขยายตัว 2.4% จากไตรมาส 2 กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ (MTI) จึงปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2025 อยู่ในกรอบ 4.0% จากช่วงคาดการณ์เดิมที่ 1.5-2.5% พร้อมประเมินว่า GDP ปี 2026 จะขยายตัวในกรอบ 1.0-3.0% *** ญี่ปุ่นรายงานว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) เดือนต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแรงที่สุดตั้งแต่เดือนก.ค. และสอดคล้องกับประมาณการของนักวิเคราะห์ โดยการเร่งตัวของเงินเฟ้อครั้งนี้ ช่วยหนุนมุมมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด เพิ่มขึ้น 3% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3% เช่นกัน และยังคงสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ BOJ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 43 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ Core-core inflation ที่ตัดทั้งราคาอาหารสดและพลังงาน ปรับขึ้นเป็น 3.1% จากระดับ 3% ในเดือนก.ย. สะท้อนแรงกดดันด้านราคาในหมวดที่กว้างขึ้นของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ด้านเงินเฟ้อราคาข้าวยังคงชะลอตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยลดลงมาอยู่ที่ 40.2% จากระดับ 49.2% ในเดือนก่อนหน้า *** กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. ขยายตัว 3.6% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์สำรวจคาดไว้ที่ 1.1% อย่างมาก สะท้อนแรงหนุนจากคำสั่งซื้อของยุโรปและเอเชียที่เติบโตแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตชะลอลงจากเดือนก.ย. ที่การส่งออกขยายตัว 4.2% โดยการส่งออกไปเอเชียเพิ่มขึ้น 4.2% ขณะที่การส่งออกไปยุโรปตะวันตก พุ่งขึ้นถึง 8.8% เมื่อเทียบรายปี ช่วยชดเชยการส่งออกไปยังอเมริกาเหนือ ที่ลดลง 3.1% จากผลของยอดขนส่งสินค้าไปสหรัฐฯ ที่หดตัว 3.1% *** ดัชนีหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวดิ่งลงสูงสุดถึง 4.2% ในช่วงเปิดตลาดวันศุกร์ ท่ามกลางแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่กลับมาอีกครั้ง จากความกังวลว่ามูลค่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังอยู่ในระดับตึงตัวเกินไป หุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี Kospi อย่าง Samsung Electronics และ SK Hynix ร่วงลงหนัก โดย Samsung ร่วงมากสุด 5.2% ขณะที่ SK Hynix ดิ่งลงถึง 10% ส่วนดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นอ่อนตัวลง 2.2% ด้านตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพลิกกลับตัวร่วงแรง ดัชนีสำคัญร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน ความกังวลต่อมูลค่าหุ้นที่ยังสูงกดดันการฟื้นตัว แม้ก่อนหน้านี้จะได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการเชิงบวกของ Nvidia แต่สุดท้ายหุ้น Nvidia ก็ปรับตัวลง 3.2% ในวันเดียวกัน 
|