ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนบวกในวันศุกร์ (28 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 289.30 จุด ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดเปิดทำการครึ่งวันหลังวันขอบคุณพระเจ้า โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยี ขณะที่ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ขยายตัวสูงขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งช่วยประคองบรรยากาศการลงทุนโดยรวม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 289.30 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 47,716.42 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 36.48 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 6,849.09 จุด และดัชนีแนสแดค ปิดเพิ่มขึ้น 151 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 23,365.69 จุด ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนบวกในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดาวโจนส์ ขยับขึ้น 3.18% S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.73% และแนสแดคพุ่ง 4.91% อย่างไรก็ตาม ผลงานรายเดือนปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์พลิกกลับมาเป็นบวกเล็กน้อย ขณะที่แนสแดคปิดลดลง 1.51% สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้น AI และเทคโนโลยีที่ตึงตัวมากขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรและลดสัดส่วนการถือครอง 
หุ้นในกลุ่มดัชชนี S&P 500 ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นกลุ่มเฮลท์แคร์ โดยหุ้นผู้ผลิตยา Eli Lilly ร่วงลง 2.6% ขณะที่หุ้น Intel ปรับขึ้นแรง 10.2% หลังนักวิเคราะห์จาก TF International Securities ระบุว่า Intel มีแนวโน้มเริ่มส่งมอบชิปซีรีส์ M ระดับล่างสุดให้ Apple ได้เร็วสุดในปี 2027 บรรยากาศการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาในฝั่งสัญญาฟิวเจอร์สสะดุดไปชั่วคราว เนื่องจากเหตุขัดข้องของระบบ CME Group ซึ่งส่งผลให้การซื้อขายสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ และสัญญาที่อ้างอิงดัชนีทั่วโลกหยุดลงชั่วคราว โดย CME ระบุว่าเหตุขัดข้องเกิดจากปัญหาระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูลของ CyrusOne ขณะที่หุ้นของ CME Group ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังเหตุการณ์ดังกล่าว โจ ซาลุซซี หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายโครงสร้างตลาดของ Themis Trading กล่าวว่าตลาดถือว่าโชคดีเนื่องจากเป็นวันซื้อขายครึ่งวัน ทำให้ผลกระทบอยู่ในวงจำกัด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้สะท้อนถึงความเสี่ยงจากเหตุขัดข้องของระบบที่อาจทำให้เกิดปัญหาที่หนักกว่าในอนาคต ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลจับจ่ายช่วงปลายปี ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้า, Black Friday ไปจนถึง Cyber Monday ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับผู้ค้าปลีกรายใหญ่ และเป็นปัจจัยเสริมแรงหนุนต่อการเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและค้าปลีกในตลาดสหรัฐฯ ที่มา Reuters 
|