UBS ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งกว่าคาด โดยมีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 74% จากระดับ 1,430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ราว 1,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่นนี้ได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment Banking) และการระบายเงินสำรองที่กันไว้สำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายมูลค่า 668 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังสามารถยุติข้อพิพาทของธนาคาร Credit Suisse ในธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกัน (RMBS) และกิจกรรมข้ามพรมแดนในฝรั่งเศส เซอร์จิโอ เออร์มอตติ (Sergio Ermotti) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ UBS กล่าวว่า “เราทำผลงานทางการเงินในไตรมาส 3 ปี 2025 ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยแรงส่งที่แข็งแกร่งจากธุรกิจหลักและการดำเนินกลยุทธ์อย่างมีวินัย” UBS รายงานรายได้รวมในไตรมาสดังกล่าวที่ 12,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 12,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจบริหารความมั่งคั่งสามารถดึงดูดเงินลงทุนสุทธิได้ถึง 38,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 
ผลประกอบการดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ UBS ยังคงเดินหน้ากระบวนการควบรวมกิจการกับธนาคาร Credit Suisse ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีหน้า หลังจาก UBS เข้าซื้อกิจการคู่แข่งรายนี้อย่างเป็นทางการในปี 2023 ภายใต้กรอบการช่วยเหลือจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกำลังเผชิญความท้าทายใหม่จากความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์จะเพิ่มข้อกำหนดด้านเงินทุนขั้นต่ำ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยการล่มสลายของ Credit Suisse และลดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจและผู้เสียภาษี UBS ระบุเมื่อเดือนมิ.ย.ว่า บริษัทเห็นด้วยกับข้อเสนอด้านกฎระเบียบส่วนใหญ่ ของสภาสหพันธรัฐสวิส (Swiss Federal Council) แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับการเพิ่มข้อกำหนดเงินกองทุนที่ธนาคารมองว่า มากเกินไป ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ราคาหุ้นของ UBS ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 11% ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4 ธนาคารคาดว่าจะเห็นการประหยัดต้นทุนโดยรวมในระดับที่ลดลง เนื่องจากยังคงมุ่งเน้นการย้ายระบบของแพลตฟอร์มสวิส และมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับบุคลากรเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ที่มา CNBC 
|