คณะที่ปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศของจีน ที่เดินทางเข้าร่วมการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ระบุว่า มาตรการทางการค้าและข้อจำกัดจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยเฉพาะภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกฎระเบียบด้านการค้าของยุโรป กำลังบั่นทอนความพยายามของโลกในการจำกัดภาวะโลกร้อน และทำให้ความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศอ่อนแอลง ที่ปรึกษาอาวุโสของจีนชี้ว่า การใช้มาตรการฝ่ายเดียวที่เพิ่มขึ้น กำลังผลักดันต้นทุนให้สูงขึ้นและทำให้การขยายตัวของสินค้าพลังงานสะอาดทั่วโลกชะลอตัว พร้อมเตือนว่าการกระทำลักษณะนี้ อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานเสียหาย และบ่อนทำลายความไว้วางใจ ท่ามกลางช่วงเวลาที่โลกต้องการความร่วมมืออย่างเร่งด่วน โดยหวัง อี้ นักเศรษฐศาสตร์ด้านระบบนิเวศและกรรมการสภาประชาชนของจีน กล่าวว่า ชาติตะวันตกต้องการให้จีนเร่งลดการปล่อยคาร์บอน แต่กลับใช้นโยบายที่ขัดขวาง โดยชี้ว่า นี่คือการกระทำ 2 มาตรฐาน ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และยุโรป ขยายวงกว้างเกินกว่าภาคพลังงานสะอาด โดยครอบคลุมตั้งแต่ถั่วเหลืองไปจนถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งประเด็นข้อจำกัดทางการค้า ได้ถูกกันออกจากวาระหลักของการประชุม COP30 และผลักให้เป็นประเด็นหารือพิเศษ เช่นเดียวกับประเด็นการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศและการเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 
ในช่วงที่เศรษฐกิจจีน กำลังเผชิญแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ คณะผู้แทนของจีนในบราซิล จึงเพิ่มน้ำหนักให้กับประเด็นการค้า โดยเฉพาะมาตรการที่ประเทศคู่ค้ามหาอำนาจนำมาใช้ หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศเป้าหมายด้านคาร์บอนคู่ขนานของประเทศ นั่นคือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดก่อนปี 2030 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060 ซึ่งจีนก็ได้เดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง และยิ่งทำให้ความขัดแย้งกับคู่แข่งต่างชาติทวีความรุนแรงมากขึ้น ทางด้านหลี่ เกา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีน รวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ยังคงใช้ถ้อยคำทางการทูตเตือนถึงความเสี่ยงที่จีนอาจถูกจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีพลังงานสะอาด โดยวิจารณ์มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism – CBAM) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูงที่นำเข้าจากประเทศที่มีกฎระเบียบด้านสภาพอากาศเข้มงวดน้อยกว่า ขณะที่ฝ่ายยุโรปยืนยันว่ามาตรการนี้ มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น แม้จะมีความไม่พอใจ แต่คณะที่ปรึกษาจีนย้ำว่า ความสำคัญสูงสุดของจีนใน COP30 คือการสนับสนุนเจ้าภาพและผลักดันให้การประชุมสำเร็จลุล่วง โดยรัฐบาลจีนส่งผู้แทนกว่า 800 คนเข้าร่วม ซึ่งสะท้อนการสนับสนุนที่มีต่อบราซิลในฐานะที่เป็นสมาชิก BRICS ร่วมกัน ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดของโลก เพิ่งระบุเป้าหมายใหม่ให้ลดการปล่อยก๊าซสุทธิทั่วทั้งเศรษฐกิจลง 7-10% จากระดับสูงสุดในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยระบุว่าจะมุ่งทำให้ดีกว่าเดิม หวัง อี้ ยังกล่าวว่า แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมคือ การเริ่มลงมือทำจากส่วนที่เป็นไปได้มากที่สุดของกลไก NDC (Nationally Determined Contributions) ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด แล้วค่อยเพิ่มเป้าหมายเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่นำไปใช้ได้จริง พร้อมเสริมว่า หลังสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส โลกจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาแรงขับเคลื่อน “จีนสามารถนำพาโลกไปในทิศทางที่เป็นบวกได้ และสิ่งนี้สอดคล้องอย่างเต็มที่กับหลักการและเจตนารมณ์” ที่มา Bloomberg 
|