บริษัท Pfizer ผู้ผลิตยารายใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้พัฒนายารักษาโรคอ้วน Metsera มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปิดฉากศึกชิงซื้อกิจการกับคู่แข่งจากเดนมาร์ก อย่าง Novo Nordisk Metsera ตอบรับข้อเสนอที่ปรับเพิ่มมูลค่าจากไฟเซอร์ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 พ.ย.) โดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอของ Novo Nordisk มีความเสี่ยงด้านกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาดในสหรัฐฯ แม้ก่อนหน้านี้จะประเมินว่าข้อเสนอจากฝั่งเดนมาร์กนั้นดีกว่าก็ตาม ตามคำเตือนจากคณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) ที่ระบุว่า ข้อตกลงระหว่าง 2 บริษัท อาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Metsera เลือกดีลจากไฟเซอร์แทน ดีลนี้ นับเป็นชัยชนะสำคัญของ Pfizer ในการบุกเข้าสู่ตลาดยารักษาโรคอ้วน ที่มีมูลค่าสูง แม้ว่ายาของ Metsera จะยังอยู่ระหว่างการพัฒนาและอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ ขณะที่ Novo Nordisk ต้องเผชิญแรงกดดันในการทวงคืนความเป็นผู้นำจากคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดเดียวกันอย่าง Eli Lilly 
Pfizer เสนอซื้อ Metsera ในราคา 86.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น สูงกว่าระดับปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 3.69% โดยประกอบด้วยเงินสด 65.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น และสิทธิในการรับเงินเพิ่มอีกสูงสุด 20.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หากบรรลุเงื่อนไขผลประกอบการในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้ Pfizer ดูเหมือนจะปิดดีลได้ตั้งแต่เดือนก.ย. แต่ Novo Nordisk ได้ยื่นข้อเสนอเข้ามาแบบไม่คาดคิดในสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้เกิดศึกแย่งซื้อที่ดุเดือดในตลาดยาลดน้ำหนัก อย่างไรก็ดี Novo Nordisk ได้ประกาศในวันเสาร์ว่า จะไม่ยื่นข้อเสนอเพิ่ม โดยระบุว่า “หลังจากกระบวนการพิจารณาอย่างรอบคอบ บริษัทจะไม่เพิ่มข้อเสนอในการเข้าซื้อ Metsera” พร้อมย้ำว่าจะเดินหน้าพัฒนาโครงการยารักษาโรคอ้วนของตนเองต่อไป การแย่งซื้อกิจการครั้งนี้ ทำให้ราคาหุ้นของ Metsera พุ่งขึ้นเกือบ 60% ในสัปดาห์เดียว ดันมูลค่าตลาดแตะ 8,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าดีลมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ Pfizer สะท้อนความคาดหวังสูงต่อศักยภาพของยาลดน้ำหนักรุ่นใหม่ของ Metsera ซึ่ง Courtney Breen นักวิเคราะห์จาก Bernstein ระบุว่า Pfizer อาจประเมินรายได้ของ Metsera ไว้สูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์หรัฐภายในปี 2040 ซึ่งคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของประมาณการในปัจจุบัน และเตือนถึงความไม่แน่นอนเรื่อง “ราคายา GLP-1 ในระยะยาว” ที่อาจกดกำไรในอนาคต อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการของ Metsera แนะนำให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติข้อเสนอจาก Pfizer โดยบริษัทคาดว่าจะขาดทุนต่อเนื่องในระยะสั้นจนกว่ายาจะผ่านการพัฒนาเสร็จสิ้น ทั้งนี้ Metsera กำลังพัฒนายา 2 ตัวหลักคือ MET-097i ซึ่งเป็นยาฉีดกลุ่ม GLP-1 และ MET-233i ซึ่งเลียนแบบฮอร์โมนอะไมลินจากตับอ่อน โดยนักวิเคราะห์จาก Leerink Partners คาดว่ายาทั้ง 2 อาจมียอดขายสูงสุดรวมกันราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในอนาคต ที่มา Reuters 
|