บรรดาผู้บริหารระดับสูงหลายรายในวอลล์สตรีท ออกมาเตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเผชิญการปรับฐานมากกว่า 10% ภายในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้า โดยมองว่าการปรับฐานดังกล่าวอาจเป็นพัฒนาการเชิงบวกสำหรับตลาด ไมค์ กิตลิน (Mike Gitlin) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Capital Group ซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่าราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กล่าวว่า “ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ท้าทายคือระดับมูลค่าหุ้น (valuation) ที่สูงมาก” พร้อมตอบหลังถูกถามว่า หุ้นในตลาดขณะนี้ถือว่าราคาถูก ยุติธรรม หรือแพงไป โดยชี้ว่า “ส่วนใหญ่คงเห็นพ้องว่า เราน่าจะอยู่ระหว่างระดับยุติธรรม-แพงเต็มที่ มากกว่าจะอยู่ในกรอบราคาถูก-ยุติธรรม แนวโน้มเดียวกันนี้สะท้อนให้เห็นในตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะส่วนต่างผลตอบแทน (credit spreads) ที่อยู่ในระดับแคบ ทัศนะดังกล่าว สอดคล้องกับ เท็ด พิก (Ted Pick) ซีอีโอของ Morgan Stanley และ เดวิด โซโลมอน (David Solomon) แห่ง Goldman Sachs ซึ่งต่างมองว่าตลาดมีโอกาสปรับฐานแรงในระยะข้างหน้า โดยระบุว่าการปรับฐานเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตลาดตามปกติ โดยพิกกล่าวว่า ตลาดได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างไกลแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงจากความผิดพลาดด้านนโยบายในสหรัฐ รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมเสริมว่า “ตลาดอาจดูมีมูลค่าสูง แต่ความเสี่ยงเชิงระบบได้ลดลงแล้ว” พร้อมคาดว่าในปี 2026 ตลาดจะให้ความสำคัญกับผลประกอบการของแต่ละบริษัทมากขึ้น และจะเห็นความแตกต่างของผลตอบแทนที่ชัดเจน ระหว่างบริษัทที่แข็งแกร่งกับบริษัทที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การออกหุ้นใหม่ทั่วโลกยังคงคึกคัก และนักลงทุนยังคงแสวงหาความเสี่ยง 
พิกกล่าวว่า “เราควรยินดีหากตลาดมีการปรับฐานลง 10–15% ที่ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์เศรษฐกิจมหภาครุนแรง เพราะนั่นถือเป็นพัฒนาการที่ดีต่อสุขภาพตลาด” ปัจจุบัน ดัชนี S&P 500 ซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (forward P/E) ล่วงหน้า 23 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 20 เท่า ส่วนดัชนี Nasdaq 100 ซื้อขายที่ระดับ 28 เท่า เทียบกับราว 19 เท่าในปี 2022 ทั้งนี้ ฟิวเจอร์สดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากถึง 1.8% ในวันอังคาร โดยหุ้น Palantir Technologies Inc. ซึ่งเป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม AI ดิ่งกว่า 7% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ท่ามกลางความกังวลว่ามูลค่าหุ้นอาจสูงเกินจริงหลังราคาพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ ความวิตกเรื่องมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริงเพิ่มมากขึ้น หลังตลาดหุ้นทั่วโลกทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ ทั้งที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวและรัฐบาลยังเผชิญภาวะปิดหน่วยงาน (shutdown) โดยเคน กริฟฟิน (Ken Griffin) ซีอีโอของ Citadel กล่าวว่า ตลาดมักไร้เหตุผลที่สุดในช่วงขาขึ้นและขาลงสุดโต่ง โดยระบุว่า “ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ตลาดกระทิงอย่างชัดเจน” ทั้งนี้ เดวิด โซโลมอน กล่าวว่า “หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแพงเต็มมูลค่าแล้ว” แต่ไม่ใช่ทั้งตลาด เขาแนะนำให้นักลงทุนของ Goldman Sachs “คงการลงทุนไว้” ทบทวนการจัดสรรพอร์ตโฟลิโอ และหลีกเลี่ยงการจับจังหวะตลาด อีกทั้งยังเสริมว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นในระดับ 10–15% มักเกิดขึ้นในช่วงวัฏจักรขาขึ้น โดยไม่กระทบต่อกระแสเงินทุนระยะยาวหรือทิศทางของตลาดโดยรวม “มันเพียงสะท้อนว่าตลาดขึ้นไปมาก แล้วต้องมีการพักฐานเพื่อให้ผู้คนประเมินกันใหม่เท่านั้น” ที่มา Bloomberg 
|