ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนลบในวันอังคาร (18 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดร่วงลง 498.50 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงเกินจริง ขณะที่หุ้น Home Depot ถูกเทขายอย่างหนัก หลังเผยคาดการณ์ผลประกอบการตลอดทั้งปีที่น่าผิดหวัง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 46,091.74 จุด ลดลง 498.50 จุด หรือ 1.07% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,617.32 จุด ลดลง 55.09 จุด หรือ 0.83% และดัชนีแนสแดค ปิดที่ 22,432.85 จุด ลดลง 275.23 จุด หรือ 1.21% การปรับตัวลดลง 4 วันติดต่อกันของดัชนี S&P 500 ถือเป็นการปิดแดนลบต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ก่อนที่ Nvidia จะรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดหลังปิดตลาดในวันพุธ ซึ่งแม้ฤดูกาลประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ จะใกล้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลประกอบการของผู้นำตลาด AI รายนี้ ยังคงได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคาหุ้นที่พุ่งแรงจากกระแส AI ทำให้ตลาดวิตกกังวลต่อแนวโน้มขาขึ้นของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในระยะยาว โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 2.8% ในวันเดียวกัน 
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูรายงานการจ้างงานประจำเดือนก.ย. ซึ่งถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางเป็นเวลานาน ขณะที่ข้อมูลวันอังคารบ่งชี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงระหว่างช่วงกลางเดือนก.ย.–กลางเดือนต.ค. สะท้อนถึงตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอ ด้านหุ้น Home Depot ร่วง 6% หลังเผยคาดการณ์กำไรทั้งปีออกมาต่ำกว่าที่นักลงทุนคาด และผลประกอบการไตรมาสล่าสุดยังพลาดเป้าประมาณการ โดยมาร์ธา นอร์ตัน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Empower ระบุว่า แม้ผลประกอบการโดยรวมจะแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก แต่ความกังวลในตลาดยังมีสูง ทำให้เกิดการปรับฐานเชิงจิตวิทยาครั้งใหญ่ แม้ตลาดจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งวันเช้า แต่กลับอ่อนตัวลงอีกครั้งในช่วงท้าย โดยนักวิเคราะห์จาก Jefferies มองว่า การปรับลงรอบนี้อาจเกินจริง และตลาดอาจเริ่มเข้าสู่จุดฟื้นตัว โดยชี้ว่าแม้หุ้นเมกะแคปจะถูกเทขายหนัก แต่หุ้นบางส่วนในตลาดยังมีสัญญาณเชิงบวก และเคลื่อนไหวหลายทิศทาง หุ้น 6 จาก 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ปิดแดนบวก ขณะที่ดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 เพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนหุ้นเมกะแคปรายอื่น เช่น Amazon.com ร่วงแรงถึง 4.4% โดยความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูง และความคาดหวังที่ลดลงว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาด ที่มา Reuters 
|