เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบหกไตรมาสในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยหดตัวในอัตราต่อปีที่ 1.8% และ 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกอบกับการลงทุนที่ลดลงในภาคที่อยู่อาศัย ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ล่าสุดนี้ สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในผลสำรวจของ Japan Center for Economic Research (JCER) ซึ่งคาดว่า GDP จะหดตัว 1.8% ต่อปี ซึ่งตัวเลขที่ออกมาอ่อนแออาจเป็นเหตุผลให้ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความจำเป็นในการขยายมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่า การส่งออกลดลง 1.2% ขณะที่การนำเข้าลดลง 0.1% ส่งผลให้การส่งออกสุทธิฉุด GDP ลดลง 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของการหดตัวทั้งหมด 
ก่อนหน้านี้ในเดือนก.ค. รัฐบาลญี่ปุ่นบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อลดภาษีนำเข้าของญี่ปุ่นลงเหลือ 15% แม้ว่าอัตราภาษีจะต่ำกว่าที่ทรัมป์เคยขู่ไว้ตอนแรก แต่ก็ยังสูงเป็นประวัติการณ์ซึ่งทำให้ภาคการผลิตของญี่ปุ่นชะลอตัวลง ส่วนการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของ GDP เพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่การลงทุนของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.0% แต่การลงทุนในที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน ลดลงถึง 9.4% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ ภาคที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากดีมานด์ที่ลดลง สืบเนื่องจากการเร่งซื้อก่อนที่กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยตั้งแต่เดือนเม.ย. มีการกำหนดให้อาคารใหม่ทุกหลังจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี 2050 ที่มา Nikkei Asia 
|