นางซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก เพื่อเร่งขับเคลื่อนประเทศ พร้อมวางรากฐานยุทธศาสตร์การเติบโตระยะยาว ผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญของชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายจะเสนอแผนต่อรัฐบาลภายในช่วงฤดูร้อนปีหน้า ได้แนะนำให้นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านแนวทางการลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงและการลงทุนเพื่อการเติบโต โดยคณะกรรมการยังเสนอให้รัฐบาลมุ่งเน้นการลงทุนใน 17 สาขาหลัก ที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นหัวใจของการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึง อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI), การต่อเรือ, อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และแร่ธาตุสำคัญ โดยมีเป้าหมายสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว นางทาคาอิจิ กล่าวภายหลังการประชุมว่า “เราจำเป็นต้องส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชน ด้วยมาตรการที่เพิ่มความมั่นใจและคาดการณ์ได้ต่อการลงทุน” พร้อมส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวมากขึ้น โดยกล่าวว่า ญี่ปุ่นยังอยู่ครึ่งทางของเป้าหมายในการบรรลุภาวะเงินเฟ้อในระยะยาว และได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งสะท้อนว่าเธอต้องการให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังต่อไป ในระหว่างการทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งยังย้ำว่า การดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาล ต้องมีความรับผิดชอบควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจ 
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังจากทาคาอิจิ ได้บรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว ในการร่วมมือด้านความมั่นคงเรื่องแร่ธาตุหายาก (rare earths) และการต่อเรือ รวมถึงได้สั่งการให้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมให้แตะระดับ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในสิ้นเดือนมี.ค. ปีหน้า ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม รัฐบาลญี่ปุ่น มีเป้าหมายสร้าง “วงจรเศรษฐกิจเชิงบวก” ผ่านการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างด้านอุปทาน การเพิ่มรายได้ของประชาชน การกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค การขยายผลกำไรภาคธุรกิจ และเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษี โดยไม่ต้องปรับขึ้นอัตราภาษี ขณะเดียวกัน คณะทำงานยังเสนอให้รัฐบาล เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JBIC) และบริษัท Nippon Export and Investment Insurance เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนที่เชื่อมโยงกับข้อตกลงการค้าระหว่างญี่ปุ่น–สหรัฐฯ ซึ่งมีวงเงินรวมกว่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศรายชื่อโครงการที่มีศักยภาพแล้ว แต่กองทุนดังกล่าวยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ นอกจากนี้ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังจะรวมถึงมาตรการเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน การส่งเสริมสตาร์ทอัป การขับเคลื่อนการเติบโตผ่านภาคการเงิน และการสนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับขึ้นค่าจ้าง ทั้งนี้ แม้รายงานยังไม่ระบุรายละเอียดของมาตรการบรรเทาราคาสินค้า แต่นางทาคาอิจิคาดว่าจะใช้เงินอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อลดค่าไฟฟ้าในฤดูหนาว และทยอยลดภาษีน้ำมันภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ที่มา Bloomberg 
|