*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ปิดที่ 58.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.6% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 62.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 82 เซนต์ หรือ 1.3% ทั้ง 2 สัญญาปรับลงราว 3% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. ราคาน้ำมันลดลงราว 1% ในวันศุกร์ โดยปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังสหรัฐฯ เดินหน้าผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนชะลอการรับความเสี่ยง *** ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. โดย S&P Global ลดลงสู่ระดับ 51.9 จากระดับ 52.5 ในเดือนต.ค. ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 52.0 แม้ระดับที่อยู่เหนือ 50 จะยังสะท้อนการขยายตัว แต่ภาคการผลิตที่มีสัดส่วน 10.2% ของขนาดเศรษฐกิจ เริ่มส่งสัญญาณแผ่วแรง ด้านคำสั่งซื้อใหม่ลดลงแรงสู่ 51.3 จาก 54.0 และระดับสินค้าคงคลังพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มทำแบบสำรวจ โดยแรงกดดันด้านราคา เป็นผลจากมาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า ท่ามกลางนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลทรัมป์ *** จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และรองประธานคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งมีสิทธิ์ลงคะแนน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สามารถลดลงได้โดยไม่กระทบต่อเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด และยังช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ซึ่งความคิดเห็นดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดเพิ่มความเป็นไปได้ต่อการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9–10 ธ.ค. แม้ผู้กำหนดนโยบายคนอื่น ๆ จะยังยืนยันว่าควรรักษาดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม เพื่อให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า *** สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การปิดหน่วยงานรัฐยาวนาน 43 วัน ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สูญเสียความเสียหายถาวรราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ยังคงมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มผ่อนคลายและมาตรการลดภาษี เบสเซนต์ระบุว่า ส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น ภาคที่อยู่อาศัย ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว แต่เขาไม่เห็นความเสี่ยงว่าทั้งเศรษฐกิจจะหดตัวโดยรวม พร้อมย้ำจุดยืนของรัฐบาลทรัมป์ โดยระบุว่า ตัวการของเงินเฟ้อคือภาคบริการ ไม่ใช่มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมคาดว่าราคาพลังงานที่ปรับลดลง จะช่วยฉุดราคาสินค้าและบริการโดยรวมให้ลดลงต่อไป *** Eli Lilly ทำสถิติมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ กลายเป็นบริษัทยาแห่งแรกที่ก้าวเข้าสู่ระดับดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้มีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี นับเป็นการสะท้อนถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัท ในฐานะผู้นำตลาดยาลดน้ำหนัก โดยราคาหุ้นของ Eli Lilly พุ่งขึ้นกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากตลาดยาลดน้ำหนักที่เติบโตอย่างร้อนแรง ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำกำไรสูงสุดของธุรกิจด้านสุขภาพ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังการเปิดตัวยาที่มีประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ๆ *** รัฐบาลทรัมป์ กำลังพิจารณาอนุมัติการขายชิปปัญญาประดิษฐ์รุ่น H200 ของ Nvidia ให้แก่จีน ท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายทางการทูต ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกเทคโนโลยีล้ำหน้าของสหรัฐฯ ไปยังจีน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งดูแลมาตรการควบคุมการส่งออก กำลังทบทวนการเปลี่ยนนโยบายที่เคยห้ามขายชิปประเภทนี้ให้จีน โดยย้ำว่าการพิจารณาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา *** สหรัฐฯ ระบุว่ามีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ในการจัดทำแผนยุติสงครามยูเครน ระหว่างการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นหลักซึ่งเกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากรัสเซีย โดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นผู้นำคณะเจรจาในนครเจนีวา ซึ่งมีคณะผู้แทนระดับสูงของยูเครนเข้าร่วม หลังจากยูเครนและพันธมิตรแสดงความวิตกต่อแผนที่สหรัฐฯ สนับสนุน เนื่องจากมองว่าเป็นการยอมอ่อนข้อให้รัสเซียมากและเรียกร้องให้มีการปรับแก้ 
*** จีนส่งจดหมายถึงสหประชาชาติ ประกาศยืนยันถึงการป้องกันตนเองอย่างเด็ดขาด หากญี่ปุ่น กล้าแทรกแซงทางการทหารในช่องแคบไต้หวัน ในขณะที่รัฐบาลจีนพยายามรวบรวมการสนับสนุนจากนานาชาติ ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความตึงเครียด โดยฟู่ ฉง ผู้แทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติ ส่งสารดังกล่าวถึง อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ซึ่งจดหมายนี้จะถูกส่งถึงประเทศสมาชิก UN ทั้งหมด *** เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น ตอบโต้จีนอย่างรุนแรง หลังจีนกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนของประเทศต่อวิกฤติช่องแคบไต้หวัน โดยย้ำว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริงโดยสิ้นเชิง พร้อมเรียกร้องให้มีการเจรจามากขึ้น เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ของเอเชียทรุดตัวลง *** รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ยืนยันระหว่างการเดินทางเยือนฐานทัพซึ่งตั้งอยู่ใกล้ไต้หวันว่า แผนการติดตั้งขีปนาวุธที่ฐานดังกล่าว ยังคงเดินหน้าเป็นไปตามกำหนด ท่ามกลางความตึงเครียดที่ปะทุระหว่างญี่ปุ่นและจีน เกี่ยวกับไต้หวัน โดยชินจิโร โคอิซูมิ กล่าวระหว่างปิดการเดินทางเยือนฐานทัพบนเกาะโยนากุนิ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นว่า “การติดตั้งขีปนาวุธจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางทหารต่อประเทศของเรา” พร้อมย้ำว่า “มุมมองที่ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคสูงขึ้นนั้นไม่ถูกต้อง” *** หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 พร้อมแสดงท่าทีปกป้องมาตรการคุมเข้มแร่หายากของจีน และนำข้อเสนอเชิงบวก เพื่อช่วยบรรเทาความกังวลของชาติกำลังพัฒนาด้วย โดยแร่ธาตุที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ (critical minerals) กลายเป็นหัวข้อสำคัญของการประชุม G20 ครั้งแรกในแอฟริกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการจัดเวทีหารือเฉพาะ เนื่องจากผู้นำยุโรปกำลังต่อสู้กับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ประเทศในกลุ่ม Global South เรียกร้องให้มีการสนับสนุนเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ซึ่งจีนยังคงครองความได้เปรียบด้านการแปรรูป *** “Kospi 4,000” ตัวอักษรสีเหลืองปรากฏเด่นบนจอขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบอาคารตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (Korea Exchange) ตลอดทั้งเดือนพ.ย. กลายเป็นสัญลักษณ์ของการพุ่งแรงอย่างเหนือความคาดหมายของตลาดหุ้นเกาหลีใต้และสำหรับนักลงทุนบางราย ขณะเดียวกันก็ยังเป็นสัญญาณเตือนด้วย โดยดัชนีหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้นแล้วถึง 61% ตั้งแต่ต้นปี 2025 และกำลังจะทำผลงานดีที่สุดในรอบ 25 ปี จากระดับราว 2,400 จุดเมื่อต้นปี ซึ่ง Kospi กลายเป็นดัชนีตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก จากอานิสงส์กระแส AI และการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลภาคธุรกิจครั้งใหญ่ *** แคนาดาและอินเดีย ตกลงที่จะรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ หลังการหารือถูกระงับไป จากความตึงเครียงทางการทูตเมื่อ 2 ปีก่อน โดยนายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ ของแคนาดา ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เพื่อหารือระดับทวิภาคีระหว่างร่วมประชุมสุดยอด G20 ที่แอฟริกาใต้ สำนักนายกรัฐมนตรีอินเดียระบุว่า “ผู้นำทั้ง 2 เห็นพ้องที่จะเริ่มการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจรอบด้านฉบับใหม่ (CEPA) โดยมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030” *** BHP Group ตัดสินใจล้มเลิกความพยายามเข้าซื้อกิจการ Anglo American Plc อีกครั้ง ยุติความพยายามที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของบริษัทยักษ์ใหญ่เหมืองแร่รายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ต้องการขัดขวางการควบรวมกิจการระหว่าง Anglo และ Teck Resources Ltd. ของแคนาดา โดย BHP ยืนยันว่าได้มีการหารือเบื้องต้นกับ Anglo จริง แต่ขณะนี้ไม่ได้พิจารณาการควบรวมของทั้ง 2 บริษัทแล้ว ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก BHP ซึ่งเคยพยายามเข้าซื้อ Anglo เมื่อปีที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ ได้ยื่นข้อเสนอใหม่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี Anglo ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว *** ราคาทองคำทรงตัวในเอเชีย หลังพุ่งทำสถิติสูงสุดเหนือระดับ 4,380 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันที่ 20 ต.ค. แม้ราคาได้ปรับฐาน แต่ยังเพิ่มขึ้นราว 55% นับตั้งแต่ต้นปี ได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความกังวลต่อฐานะการคลังที่ย่ำแย่ลงของหลายประเทศ ราคาทองคำสปอตล่าสุด ทรงตัวที่ 4,064.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อเวลา 8:50 น. ตามเวลาสิงคโปร์ หลังปรับลง 0.3% ในวันศุกร์ โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot Index เพิ่มขึ้น 0.1% ขณะที่ราคาเงิน แพลทินัม และพัลลาเดียมขยับขึ้นเล็กน้อย 
|