BAM คาดยอดซื้อหนี้ทั้งกลุ่มแตะ 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า รับสยายปีกบริษัทลูกเติบโต ส่วน Q4/68 ทุ่มงบลงทุน 1,000 ลบ. ลุยซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มอีก 30,000 ลบ. พร้อมคาดเป้าหมายผลเรียกเก็บปีนี้ 17,800 ล้านบาท ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่าบริษัทตั้งเป้ารับซื้อหนี้แตะ 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
เนื่องจากปัจจัยสนับสนุน ที่ BAM มีบริษัทร่วมทุนที่เพิ่มขึ้น และแต่ละบริษัท จะมีขนาดของพอร์ตหนี้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท โดยหากบริษัทมีบริษัทลูกจำนวน 4 บริษัท จะมีสินทรัพย์เพิ่มอีกเกือบ 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่าหนี้กว่า 5 แสนล้านบาท ประกอบกับมียอดซื้อหนี้จากบริษัทแม่ประมาณปีละ 80,000 - 100,000 ล้านบาท ก็น่าจะทำให้ยอดซื้อหนี้ของทั้งกลุ่มในจักรวาล BAM ไปแตะระดับ 1 ล้านล้านบาทได้ 
ด้านแนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดว่าจะมีพอร์ตที่ให้บริษัทเข้าไปทำ Due Diligence ประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเข้าไปร่วมประมูลมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทคาดว่าภาพรวมการลงทุนในปี 68 จะใช้เงินลงทุนรวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป้าหมายผลเรียกเก็บในช่วงไตรมาส 4/68 คาดว่าจะอยู่ที่ 3,997 ล้านบาท จากช่วง 9 เดือน สามารถสร้างผลเรียกเก็บได้แล้วจำนวน 13,803 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มการตั้งสำรองฯในช่วงไตรมาส 4/68 คาดว่าคงจะไม่ใหญ่เท่ากับช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาแล้ว และคิดว่าการตั้งสำรองฯในปีนี้น่าจะเพียงพอแล้ว โดย BAM วางเป้าหมายผลเรียกเก็บปีนี้ไว้ที่ 17,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น NPL มูลค่า 10,800 ล้านบาท และ NPA มูลค่า 7,000 ล้านบาท และคาดหวังว่าภาระหนี้ในเครือของบริษัทจะปรับตัวเป็น 597,000 ล้านบาท ภายในช่วงสิ้นปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 586,877 ล้านบาท นอกจากนี้ตั้งเป้าภายใน 3- 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะเติบโตประมาณ 2 เท่า จาก GDP ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายจากเครื่องยนต์ใหม่ที่บริษัทกำลังดำเนินการในวันนี้ และจะเน้นการเติบโตในด้านธุรกรรมเชิงพาณิชย์ (Commercial transaction) โดยเฉพาะการเข้าซื้อโดยปกติที่เกิน 15-20 ล้านบาท และเน้นการซื้อทรัพย์ชิ้นใหญ่มากขึ้น รวมถึงเน้นการแก้หนี้ที่มีความซ้ำซ้อนมากขึ้น เช่น หนี้ที่มีขนาด 500 - 5,000 ล้านบาท ส่วนด้านบริษัทลูกก็จะเติบโตตามพอร์ตโฟลิโอของสถาบันการเงินที่บริษัทได้จัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (JV AMC) ร่วมกัน |