ราคาน้ำมันของสหรัฐฯ เดือนพ.ย. จ่อทำสถิติปิดแดนลบต่อเนื่องยาวนานสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC+ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ รวมถึงประเมินความพยายามของสหรัฐฯ ในการยุติความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ล่าสุด ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงกว่าระดับปิดในวันพุธเล็กน้อย ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปิดเหนือระดับ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยดัชนีราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปิดแดนลบเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันในเดือนนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2023 นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร หรือ OPEC+ ในวันอาทิตย์นี้ (30 พ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม ซึ่งจะชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตต่อไปในช่วงต้นปี 2026 ตามข้อมูลจากผู้แทนกลุ่ม นอกจากนี้ ตลาดยังจับตามองว่า ที่ประชุมอาจทบทวนกำลังการผลิตในระยะยาวของประเทศสมาชิกหรือไม่ ราคาน้ำมันสหรัฐฯ ดิ่งลง 18% ในปีนี้ จากคาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันอาจล้นตลาด หลังจากที่ OPEC+ กลับมาเพิ่มกำลังการผลิตรอบใหม่ รวมไปในฝั่งกลุ่มผู้ผลิตนอก OPEC+ ข้อมูลจาก JPMorgan Chase & Co. ระบุว่า ตลาดอาจเผชิญอุปทานน้ำมันส่วนเกิน 2.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า และ 2.7 ล้านบาร์เรลในปี 2027 ขณะที่ประเด็นยูเครน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวว่า ข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครนอาจเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่ข้อตกลงในอนาคต พร้อมส่งสัญญาณเปิดกว้างสำหรับการเจรจา ซึ่งคาดว่า สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางเยือนกรุงมอสโกในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ การยุติความขัดแย้งจะส่งผลที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดน้ำมันโลก เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งขณะนี้ ชาติตะวันตกยังคงคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย หากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมใด ๆ หลังการบรรลุข้อตกลง ก็อาจทำให้น้ำมันของรัสเซียที่ถูกจำกัดการส่งออกไปยังผู้ซื้อ อาทิ จีน อินเดีย และตุรกี ระบายเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น ที่มา Bloomberg 
|