บริษัท Meta Platforms ยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดีย เตรียมออกหุ้นกู้มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อระดมทุนสำหรับการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
Meta ซึ่งอยู่ในช่วงเร่งลงทุนในเทคโนโลยี AI ระบุว่า รายจ่ายฝ่ายทุน (Capex) ในปี 2026 จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2025 สะท้อนถึงการเร่งขยายศูนย์ข้อมูลและระบบประมวลผลเพื่อรองรับการเติบโตของ AI ทั่วทั้งแพลตฟอร์ม ขณะที่ราคาหุ้น Meta ปิดร่วงลงกว่า 11% วานนี้ (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มต้นทุนที่พุ่งขึ้นถึง 32% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นเพียง 26% หุ้นกู้ชุดใหม่นี้ แบ่งออกเป็น 6 ชุด โดยมีอายุตั้งแต่ 5 - 40 ปี มูลค่ารวมต่อชุดอยู่ระหว่าง 4,000 ล้าน - 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดบบริษัทเคยออกหุ้นกู้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2022 มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งธนาคารที่ร่วมเป็นผู้จัดการการขายในครั้งนี้ ได้แก่ Morgan Stanley, Allen & Company และ Blaylock Van 
เมื่อสัปดาห์ก่อน Meta เพิ่งทำข้อตกลงทางการเงินมูลค่า 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กับบริษัท Blue Owl Capital ซึ่งเป็นดีลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท เพื่อใช้เป็นเงินทุนสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในรัฐลุยเซียนา ชื่อโครงการ “Hyperion” ด้าน Morgan Stanley ประเมินว่า กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ Alphabet Amazon.com, Meta, Microsoft และ CoreWeave จะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ศูนย์ข้อมูล ชิปประมวลผล และระบบคลาวด์ นอกจากนี้ เมตา ยังเพิ่มการลงทุนในบุคลากร AI อย่างต่อเนื่อง โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ เป็นผู้นำการสรรหาทีมวิจัยและวิศวกร AI ชั้นนำทั่วโลกด้วยตัวเอง เพื่อขับเคลื่อนหน่วยงานใหม่ชื่อ Superintelligence Labs ซึ่งเป็นศูนย์กลางพัฒนา AI ระดับสูงของบริษัท ด้านซูซาน ลี ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ระบุว่า ต้นทุนค่าจ้างพนักงานโดยเฉพาะทีมงาน AI จะเป็นปัจจัยหลักอันดับ 2 ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นในปีหน้า ขณะที่บริษัทได้ปรับเพิ่มกรอบงบลงทุนประจำปีนี้จากเดิม 66,000–72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 70,000–72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ รายงานข่าวการเตรียมออกหุ้นกู้ของ Meta ส่งผลให้เกิดแรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน นักลงทุนจำนวนมากยังคงหันมาถือครองหุ้นกู้บริษัทเอกชนรายใหญ่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วงนี้ ที่มา Reuters 
|